วิทยาการสาธารณภัย By ดร.วัฒกานต์ ลาภสาร

เมื่อประชาชนตกเป็นเหยื่อของการก่ออาชญากรรม จำเป็นต้องไปพึ่งบ้านพระอาทิตย์ ต้องไปพึ่งชมรมช่วยเหลือเหยื่ออาชญากรรม ต้องไปพึ่งกัน จอมพลัง   ก็เพราะระบบราชการ  เป็นระบบปรสิตที่เย็นชาอย่างเป็นระบบ  เป็นระบบที่ไม่มีความยืดหยุ่น  เป็นระบบที่ไม่มี empathy  และเป็นระบบที่ไม่มีแรงจูงใจจะช่วยเหลือเหยื่อในเชิงรุก   เพราะถ้าช่วยเหยื่อมากไป จะเป็นการเพิ่มงาน  จะเป็นการเพิ่มความเสี่ยงต่อความผิดพลาดโดยใช่เหตุ  ความผิดพลาดก็เพิ่ม   รัฐไทยเป็นเหมือน “ร้านสะดวกซื้อเฉพาะ VIP”  เท่านั้น   คนทั่วไปไม่มีแม้แต่ประตูให้เข้า   รัฐราชการที่ดูเหมือนมี แต่ไร้ฟังก์ชัน    เมื่อรัฐขยับช้า รัฐเงียบ  จะทำให้คดีไม่เดิน   หรือเลวร้ายไปกว่านั้น คือ โดนระบบรัฐราชการเป่าคดีให้หายไปกับ    ทำให้ประชาชนคนจ่ายภาษีให้เลี้ยงดูเมียน้อยให้มาบำรุงบำเรอ ต้องวิ่งข้ามระบบไปหาคนธรรมดาที่ขยับเร็วกว่า  คนก็หันไปหาคนที่กล้าตะโกนแทน — เพราะมีผลปรากฏชัดในกรณีคดีที่ซับซ้อน  คดีที่ผู้ก่ออาชญากรรมเป็นผู้มีอิทธิพลมีเครือข่ายมากมายในรัฐราชการ หรือมีปรสิตในอุ้งมือเป็นจำนวนมาก

การที่เหยื่ออาชญากรรมต้องไปพึ่ง “บ้านพระอาทิตย์”, “ชมรมช่วยเหลือเหยื่ออาชญากรรม” หรือแม้แต่ “กัน จอมพลัง” สะท้อนปัญหาเชิงโครงสร้างของสังคมไทยอย่างแสบสัน ดังนี้:


🛑 เมื่อรัฐไม่มา ฮีโร่จึงต้องเกิด

รัฐราชการที่ดูเหมือนมี แต่ไร้ฟังก์ชัน

  • รัฐขยับช้า จนคนต้องวิ่งข้ามระบบไปหาคนธรรมดาที่ขยับเร็วกว่า
    พอรัฐเงียบ พอคดีไม่เดิน คนก็หันไปหาคนที่กล้าตะโกนแทน — เพราะแค่เสียงดังในโซเชียล ก็มีอำนาจมากกว่าหมายเรียกของพนักงานสอบสวนบางคน
  • กลายเป็นสังคมที่ “เสียงร้องของเหยื่อ” ต้องมีแอมป์ ถึงจะได้ยิน
    ถ้าร้องธรรมดา ไม่มีใครฟัง ต้องมีเพจ มีดราม่า มีคนดังแปลให้รัฐฟัง
  • “ประเทศไทยเป็นประเทศที่ถ้าคุณอยากได้ความยุติธรรมเร็ว ต้องไปพึ่งเพจ ไม่ใช่พึ่งตำรวจ”

Search

@msjo.net

Twitter

https://www.youtube.com/channel/UCWQvQCFFyHZtznjgmYvVbfw