โครงสร้าง สตง. มีลักษณะ ย้อนแย้งและไม่ถ่วงดุลกันภายใน โดยฝ่ายบริหารระดับบน มักไม่ใช่ “นักตรวจสอบผู้กล้า” หากแต่เป็น “นักประคองผลประโยชน์” ผู้เชื่องพอที่จะไม่เขย่าโครงสร้างการโกงกิน ต้องสยบยอมให้กับคำสั่งที่เงียบเชียบ จากคนที่ใส่หัวโขนรีโมทให้ตน
ระดับล่าง ถูกล้างสมองให้คึกคะนองในการโชว์อำนาจหน้าที่อย่างอลังการ ขู่ตะคอกด้วยความไร้สามัญสำนึก –เพื่อสร้างกำแพงผนังทองแดงให้ฝ่ายบนได้ทำหน้าที่ตอบแทนหัวโขนรีโมทอย่างแยบยล
นี่คือ “ระบบอำนาจสองหัว” ที่ไม่ใช่การถ่วงดุลกับส่วนราชการ แต่เป็นการเกื้อหนุนกันใช้กฎหมายในทางเลือกปฏิบัติ –ไม่ยอมแตะต้องโครงการขนาดใหญ่ที่เกี่ยวพันกับกลุ่มทุน กลุ่มทหาร กดขี่ข้างล่างเพื่ออวดอ้าง แต่เอื้อหนุนข้างบน—-คนของพรรคพวกที่สวมหัวโขนรีโมทให้
สุดท้ายองค์กรที่ควรเป็นกลไกสำคัญในการปราบโกงของชาติ กลับกลายเป็นแค่ “ด่านหน้าของอำนาจเดิม” ที่สร้างความชอบธรรมปลอมให้กับระบบที่ล้มเหลว
“สตง. ยุคใหม่ ไม่ใช่– watchdog แต่คือ lapdog -ของกลุ่มอำนาจ”