“คดีเงินทอนวัด” ภาษีประชาชนเสียหายไป 2,000 ล้านบาท งบประมาณแต่ละล็อตจะมีการ “ทอนคืน” ประมาณ ห้าสิบถึงเก้าสิบเปอร์เซ็นต์ จากงบที่วัดได้รับ
ปัจจุบัน ติดตามคืนได้ 115 ล้านบาท เพราะส่วนใหญ่กระบวนการนี้ใช้เงินสด “ไปซุกรอนำมาใช้ และส่วนหนึ่งถูกแปรไปในรูปเงินบริจาค
พระที่ร่วมขะบวนการส่วนใหญ่ “หลุดคดี” หรือรอดพ้นจากการเอาผิด เพราะส่วนหนึ่งใช้ช่องทางยุติคดี เช่น ยอมคืนเงินหรือเป็นพยาน และส่วนหนึ่งอ้างว่าคืนเงินให้สำนักงานพระพุทธศาสนาจังหวัดไปเพราะคิดว่าเขาจะนำไปให้วัดอื่นต่อไป ไม่คิดว่าเขาจะเก็บเข้ากระเป๋า
พระบางรูปหนีไปต่างประเทศ
นายนพรัตน์ เบญจะวัฒนานันท์ อดีต ผู้อำนวยการสำนักงานพระพุดทะศาสนา-แห่งชาติ หลบหนีไปต่างประเทศ และยื่นเรื่องว่าคดีเป็นการกลั่นแกล้งกันทางการเมือง “ตัวเองเป็นแพะที่ถูกแอบอ้างว่าเป็นตัวการ” จึงยังไม่ถูกส่งตัวมาดำเนินคดี “นับวันนับเดือนกลับมา” นำเงินห้าร้อยกว่าล้านบาทที่ซุกไว้ที่ฝากไว้ออกมาใช้อย่างสบาย
นายพนม ศรศิลป์ อดีต ผู้อำนวยการสำนักงานพระพุดทะศาสนา-แห่งชาติ อีกคนที่พัวพันการกระทำผิด ศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลางมีคำพิพากษาให้จำคุกนายพนมเป็นเวลา 20 ปี
ข้าราชการในสำนักงานพระพุทธศาสนาที่เกี่ยวข้อง คนที่มีหลักฐานชัดเจนให้โอกาสได้ลาออกก่อนกันหมด คนที่พอสู้ก็อยู่สู้กับการอุทร จนหลุดพ้นการระบุโทษให้ออกหรือไล่ออก
จึงไม่มีข้าราชการสักคนถูกคำสั่งให้ไล่ออกหรือให้ออก มีโทษเพียง ภาคทัณฑ์ และโทษตัดเงินเดือน