วิทยาการสาธารณภัย By ดร.วัฒกานต์ ลาภสาร

“มนุษย์กับธรรมชาติ” แสดงถึงความสัมพันธ์ที่ซับซ้อนและหลากหลายระหว่างมนุษย์กับโลกธรรมชาติ ซึ่งครอบคลุมทั้งผลกระทบด้านลบและความพยายามในการปกป้องและอยู่ร่วมกับธรรมชาติในลักษณะที่กลมกลืนกันมากขึ้น อย่างไรก็ตาม ความสัมพันธ์ดังกล่าวจะเกิดความขัดแย้งอย่างต่อเนื่องระหว่างกิจกรรมของมนุษย์กับโลกธรรมชาติ ครอบคลุมแง่มุมต่างๆ ดังนี้

  1. การปรับเปลี่ยนสิ่งแวดล้อมเกินขีดจำกัดการฟื้นฟูตนเองของธรรมชาติ : กิจกรรมของมนุษย์ เช่น การตัดไม้ทำลายป่า การพัฒนาอุตสาหกรรม และมลพิษ มักส่งผลเสียต่อสิ่งแวดล้อม สิ่งนี้สามารถนำไปสู่ปัญหาต่างๆ เช่น การทำลายถิ่นที่อยู่อาศัย การสูญพันธุ์ของสายพันธุ์ และการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ
  2. การนำสิ่งแวดล้อมมาหาผลประโยชน์แก่ตนเองฝ่ายเดียว : มนุษย์มักจะใช้ประโยชน์จากทรัพยากรธรรมชาติ เช่น ป่าไม้ แร่ธาตุ น้ำ และเชื้อเพลิงฟอสซิล เพื่อความต้องการทางเศรษฐกิจและการพัฒนา ซึ่งอาจนำไปสู่การสูญสิ้นทรัพยากรและความไม่สมดุลของระบบนิเวศแบบเดิม นำสู่ระบบนิเวศแบบใหม่ที่มนุษย์อาจไม่สามารถปรับตัวได้
  3. ขาดความเห็นอกเห็นใจธรรมชาติหรือความพยายามในการอนุรักษ์ที่ยังไม่เป็นฉันทานุมัติ : กลุ่มชนเพียงน้อยนิดที่พยายามดำเนินการเพื่อตอบสนองต่อผลกระทบด้านลบ มุ่งอนุรักษ์และปกป้องธรรมชาติ ทำงานเพื่อรักษาระบบนิเวศ สัตว์ป่า และภูมิทัศน์ทางธรรมชาติ
  4. ภัยพิบัติทางธรรมชาติ : มนุษย์จะพบว่าตนเองขัดแย้งกับธรรมชาติโดยตรงในระหว่างเกิดภัยพิบัติทางธรรมชาติ เช่น พายุเฮอริเคน แผ่นดินไหว น้ำท่วม และไฟป่า ซึ่งเหตุการณ์เหล่านี้อาจทำให้เกิดความเสียหายและเสียชีวิตได้อย่างมีนัยสำคัญ
  5. เป้าหมายของความยั่งยืน : เมื่อมีการตระหนักรู้เพิ่มมากขึ้นถึงความจำเป็นในการปฏิบัติที่ยั่งยืนที่สร้างความสมดุลระหว่างความต้องการของมนุษย์กับการอนุรักษ์ธรรมชาติ แต่เป้าหมายของการพัฒนาที่ยั่งยืนก็มีจุดมุ่งหมายเพื่อตอบสนองความต้องการของมนุษย์ บนแนวทางสนองความต้องการในปัจจุบันโดยไม่กระทบต่อความสามารถของคนรุ่นอนาคตในการตอบสนองความต้องการของตนเอง  ซึ่งธรรมชาติบางส่วนอาจจะไม่มีความจำเป็นต้องอยู่บนโลกนี้ ในความหมายของความยั่งยืนของมนุษย์ หรือความหลากหลายทางชีวภาพอาจไม่มีความหมายใดๆ ต่อความยั่งยืนของมนุษย์

 

Search