วิทยาการสาธารณภัย By ดร.วัฒกานต์ ลาภสาร

ความเชื่อเดิมเกี่ยวกับน้ำท่วมของคนไทยมีรากฐานมาจากวัฒนธรรม ประเพณี และความเชื่อทางศาสนา ซึ่งบางครั้งความเชื่อเหล่านี้อาจนำไปสู่การขาดการเตรียมพร้อมหรือการรับมือกับภัยน้ำท่วมอย่างมีประสิทธิภาพ ความเชื่อบางประการอาจส่งผลกระทบต่อการดำเนินชีวิต การจัดการทรัพยากร และการวางแผนรับมือภัยพิบัติ ตัวอย่างความเชื่อที่เกี่ยวข้องกับน้ำท่วมในประเทศไทยมีดังนี้:

1. น้ำท่วมเป็นเรื่องธรรมชาติที่เกิดขึ้นตามวงจร

  • คนไทยในอดีตเชื่อว่า น้ำท่วมเป็นเรื่องธรรมชาติและเกิดขึ้นตามฤดูกาล เช่น น้ำท่วมในช่วงฤดูฝน และจะลดลงเมื่อเข้าสู่ฤดูแล้ง การมองว่าน้ำท่วมเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นทุกปีและเป็นส่วนหนึ่งของวิถีชีวิต อาจทำให้คนขาดการเตรียมพร้อมสำหรับน้ำท่วมใหญ่ที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน
  • ผลกระทบ: ความเชื่อเช่นนี้อาจทำให้ไม่ให้ความสำคัญกับการสร้างระบบป้องกันน้ำท่วมที่มีประสิทธิภาพ หรือไม่มีการลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานเพื่อลดความเสี่ยงจากน้ำท่วม

2. การเชื่อในผลกระทบจากพระเจ้า/สิ่งศักดิ์สิทธิ์

  • คนไทยในบางกลุ่มอาจเชื่อว่าน้ำท่วมเป็นการลงโทษจากสิ่งศักดิ์สิทธิ์หรือเทพเจ้าที่ต้องการสั่งสอนมนุษย์ หรือเป็นผลจากการกระทำบาป ทำให้บางคนอาจรอคอยให้เหตุการณ์ผ่านไปโดยไม่ทำการป้องกันหรือแก้ไขสถานการณ์
  • ผลกระทบ: การเชื่อในสิ่งศักดิ์สิทธิ์โดยไม่ดำเนินการป้องกันอย่างมีเหตุผล อาจทำให้ประชาชนละเลยการเตรียมพร้อมรับมือน้ำท่วม เช่น ไม่สร้างบ้านให้สูงพ้นจากระดับน้ำท่วม หรือไม่สนใจข่าวสารเตือนภัย

3. น้ำเป็นทรัพยากรอันศักดิ์สิทธิ์และเป็นพลังธรรมชาติ

  • ในบางชุมชน คนไทยมีความเชื่อว่าน้ำเป็น พลังธรรมชาติ ที่ควรได้รับการเคารพบูชา เช่น การเชื่อในพระแม่คงคา หรือน้ำในแม่น้ำลำคลองเป็นสิ่งที่ช่วยชีวิต การเปลี่ยนแปลงลำน้ำหรือการขุดคลองเพื่อป้องกันน้ำท่วมอาจถูกมองว่าเป็นการล่วงล้ำและไม่ให้ความสำคัญ
  • ผลกระทบ: ความเชื่อเช่นนี้อาจขัดขวางการสร้างสิ่งปลูกสร้างหรือโครงสร้างพื้นฐาน เช่น เขื่อนหรือกำแพงกั้นน้ำ ที่จำเป็นในการป้องกันน้ำท่วม

4. การทำบุญเพื่อบรรเทาภัยพิบัติ

  • คนไทยบางคนเชื่อว่า การทำบุญ หรือการจัดพิธีทางศาสนา เช่น การปล่อยปลา การบูชาพระพุทธรูป หรือการถวายสิ่งของให้พระสงฆ์ จะสามารถช่วยบรรเทาหรือป้องกันภัยน้ำท่วมได้ ซึ่งอาจทำให้ละเลยการวางแผนและการเตรียมพร้อมทางกายภาพ
  • ผลกระทบ: การมองว่าการทำบุญจะช่วยลดภัยพิบัติอาจทำให้ประชาชนไม่ตระหนักถึงความจำเป็นในการเตรียมรับมือกับภัยพิบัติอย่างเป็นระบบ เช่น การเตรียมบ้านให้มีสิ่งป้องกันน้ำท่วม หรือการปฏิบัติตามแผนเตือนภัย

5. ความเชื่อว่า “น้ำจะมาแล้วก็ไป”

  • บางครั้งคนไทยอาจมองว่าน้ำท่วมเป็นเพียงเหตุการณ์ชั่วคราวและจะคลี่คลายไปเองเมื่อผ่านพ้นฤดูฝน หรือเมื่อน้ำลดลง ทำให้มีการละเลยหรือไม่ให้ความสำคัญกับการป้องกันระยะยาว
  • ผลกระทบ: การเชื่อว่าน้ำท่วมเป็นเรื่องชั่วคราวทำให้ไม่มีการลงทุนในการวางแผนป้องกันหรือฟื้นฟูพื้นที่ที่เกิดน้ำท่วมซ้ำซาก และทำให้พื้นที่ดังกล่าวมีความเสี่ยงสูงขึ้นเมื่อเกิดน้ำท่วมครั้งต่อไป

6. การเชื่อว่าพื้นที่น้ำท่วมซ้ำซากไม่มีทางแก้ไข

  • บางชุมชนที่เผชิญกับน้ำท่วมบ่อยครั้งอาจเกิด ความเชื่อว่าไม่มีทางหลีกเลี่ยง และจึงยอมรับว่าน้ำท่วมเป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ ทำให้ไม่พยายามหาทางแก้ไขหรือป้องกัน
  • ผลกระทบ: ความคิดนี้อาจทำให้พื้นที่ที่น้ำท่วมซ้ำซากไม่ได้รับการปรับปรุงหรือจัดการอย่างเหมาะสม เช่น ไม่มีการสร้างคันกั้นน้ำ หรือไม่มีการย้ายชุมชนไปยังพื้นที่ที่ปลอดภัยกว่า

7. การสร้างบ้านในพื้นที่เสี่ยงน้ำท่วมเพราะราคาถูก

  • คนไทยบางส่วนที่เลือกสร้างบ้านในพื้นที่เสี่ยงน้ำท่วมเพราะราคาที่ดินถูก และมีความเชื่อว่าสามารถจัดการกับน้ำท่วมได้ด้วยวิธีการพื้นบ้าน เช่น การสร้างบ้านยกสูงหรือใช้เรือชั่วคราว
  • ผลกระทบ: ความเชื่อนี้อาจทำให้เกิดความเสียหายมากขึ้นเมื่อน้ำท่วมรุนแรงเกินกว่าที่จะรับมือได้ หรือเมื่อโครงสร้างพื้นฐานในพื้นที่ไม่รองรับการป้องกันน้ำท่วม

สรุป

ความเชื่อเดิมของคนไทยเกี่ยวกับน้ำท่วมอาจมีผลในการทำให้ขาดการเตรียมพร้อมรับมือกับภัยพิบัติอย่างเหมาะสมหรือมีการจัดการทรัพยากรไม่เป็นระบบ บางความเชื่ออาจทำให้ละเลยความสำคัญของการป้องกันและการเตรียมพร้อม ทั้งนี้ การสร้างความเข้าใจที่ถูกต้องเกี่ยวกับการรับมือภัยน้ำท่วม และการวางแผนจัดการความเสี่ยงอย่างมีประสิทธิภาพสามารถช่วยลดผลกระทบจากน้ำท่วมได้ในอนาคต

Search