รัฐไทย ขายความปลอดภัยเชิงสัญลักษณ์ สิ่งที่รัฐขายให้ประชาชนไม่ใช่ “ความปลอดภัยจริง” แต่คือ “ความรู้สึกปลอดภัย” ผ่านภาพและพิธีกรรม เมื่อมีข่าวน้ำท่วม รัฐมนตรีลงพื้นที่ถือร่มกลางฝน — สื่อถ่ายทอดสด เมื่อมีผู้ประสบภัย เจ้าหน้าที่แจกถุงยังชีพพร้อมกล้องถ่ายรูป — เพื่อแสดงว่า “รัฐอยู่ข้างคุณ” แต่หลังจากนั้น บ้านยังจมอยู่ใต้น้ำ ถนนยังพัง และชาวบ้านยังรอคำตอบว่าเงินเยียวยาจะมาถึงเมื่อใด
นี่คือ ความปลอดภัยเชิงภาพลักษณ์ ที่รัฐใช้แทนความปลอดภัยเชิงโครงสร้าง และเมื่อความปลอดภัยกลายเป็นเรื่องของภาพลักษณ์ — งบประมาณก็กลายเป็นเรื่องของ “มูลค่าทางการเมือง” มากกว่า “มูลค่าทางชีวิต” ประชาชนไม่ได้สมัครใจจะอยู่ในระบบนี้ แต่ถูกบังคับให้เป็น “ลูกค้าประจำ” ของรัฐพ่อค้าความปลอดภัย ทุกปีเราจ่ายภาษีเพื่อให้รัฐเตรียมพร้อม แต่ทุกปีเราก็ยังเห็นภาพบ้านพัง ถนนขาด และศูนย์พักพิงชั่วคราว ประชาชนจึงไม่ได้รับ “บริการความปลอดภัย” แต่ได้รับ “บริการความเสียใจ” ที่รัฐนำมาแจกพร้อมถุงยังชีพและคำปลอบโยน
ในแง่นี้ ภัยพิบัติในไทยจึงไม่ใช่แค่เรื่องของธรรมชาติ แต่คือ กระบวนการผลิตซ้ำของความไม่มั่นคงเชิงระบบ คือการที่รัฐสร้างภัยซ้ำ เพื่อมีเหตุของบซ้ำ — และสุดท้ายก็ปลอบประชาชนซ้ำด้วยคำพูดเดิม และตราบใดที่ระบบราชการยังให้รางวัลกับ “ความเสียหาย” แทนที่จะให้รางวัลกับ “การป้องกันได้สำเร็จ” —ประเทศไทยก็จะยังอยู่ในวงจรของ “ภัยซ้ำซาก – งบซ้ำซาก – ความหวังซ้ำซาก” และประชาชนจะยังคงเป็น “ผู้ซื้อจำใจ” ของสินค้าชื่อว่า “ความปลอดภัยที่ไม่มีวันส่งมอบจริง”