แค่แม่ทัพภาคที่ 2 ออกมาสร้างวาทกรรมท้ารบกลางเวทีบรรยายว่า” “แผ่นดินกูอยู่ตรงนี้มานานแล้ว ถ้าจะเอาไป ก็ต้องดวลกัน” “คนไทยที่รักชาติส่วนหนึ่งก็สนับสนุนให้เป็นนายกรัฐมนตรีคนต่อไปซะแล้ว” นับประสาอะไรกับชากัมพูชาที่จะอยู่ภายใต้การปกครองของตระกูลฮุนอีกหนึ่งรุ่น เป็นรุ่นที่สองต่อไปอีกนานหลายสิบปี สะท้อนว่าชาวไทยกับชาวกัมพูชามีลักษณะร่วมที่คล้ายกัน ดังนี้
หนึ่ง ปลุกอารมณ์ผ่านประวัติศาสตร์ – ดินแดน – ศักดิ์ศรีชาติ ชาวบ้านจะถูกปลุกให้รู้สึกว่า “เรากำลังโดนขโมยแผ่นดิน”
สอง ขาดพื้นที่ของ “พลังพลเมือง” ที่จะตั้งคำถามหรือถ่วงดุล พอพูดถึงทหาร – ชาติ – ศักดิ์ศรี ใครตั้งคำถามจะโดนตราหน้าว่า “ไม่รักชาติ”
ซึ่งแตกต่างจากชาวอินเดียและปากีสถานที่มีความรักชาติแบบ “ศัตรูคือรากฐานของอัตลักษณ์”
แตกต่างจากชาวไต้หวันและเกาหลีใต้ที่มีความรักชาติแบบ “ผูกพันกับเสรีภาพ – ความเป็นประชาธิปไตย – และการมีศักดิ์ศรีในเวทีโลก”
แตกต่างจากชาวยูเครนที่มีความรักชาติแบบ “สำนึกของประชาชนต่อการปกป้องเสรีภาพของตน”
แตกต่างจากชาวอิสราเอลที่มีความรักชาติแบบ “รวมชาติผ่านภัยคุกคาม”
แตกต่างจากชาวปาเลสไตน์ที่มีความรักชาติแบบ “ความเจ็บปวดที่ตกทอด”