วิทยาการสาธารณภัย By ดร.วัฒกานต์ ลาภสาร

การสงเคราะห์เชิงโครงสร้างอำนาจหน้าที่ ได้ขยายอำนาจสิทธิพิเศษของรัฐราชการปรสิตในการเข้ามาดึงงบประมาณไปสร้างอาณาจักรขององค์กรหรือภูมิทัศน์ใหม่ทางโครงสร้างอำนาจหน้าที่ของรัฐราชการปรสิต ภายใต้กฎหมายการบริหารราชการแผ่นดิน  และยังตามมาด้วยการขยายภูมิทัศน์ด้านทรัพยากรน้ำให้อยู่ภายใต้สิทธิพิเศษของรัฐราชการปรสิต  https://so01.tci-thaijo.org/index.php/ humanjubru/article/ download/ 243669/169024/

การสงเคราะห์เชิงโครงสร้างอำนาจหน้าที่ของรับราชการปรสิตเป็นการผสมผสานของอุดมคติที่คลุมเครือ ขาดความโปร่งใส ขาดความรับผิดชอบ ขาดความเท่าเทียม และขาดความร่วมมือในการผลิตความรู้

โดยอำนาจหน้าที่หลักในกระบวนการสงเคราะห์จะถูกกำหนดโดยหน่วยงานราชการหรือองค์กรที่มีอำนาจในการดำเนินการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉิน ตัวอย่างเช่น กรมการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย หรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในระดับส่วนภูมิภาคหรือท้องถิ่น เช่น กระทรวงมหาดไทย องค์การบริหารส่วนจังหวัด หรือองค์การบริหารส่วนตำบล

อำนาจหน้าที่ในกระบวนการสงเคราะห์  มีดังนี้  :

  1. การจัดการสถานการณ์ : หน่วยงานที่รับผิดชอบในการสงเคราะห์จะมีอำนาจในการจัดการสถานการณ์ฉุกเฉิน ซึ่งรวมถึงการประเมินความเสียหายและความเร่งด่วนของสถานการณ์
  2. การส่งเสริมความรู้
  3. การวางแผนกระบวนการสงเคราะห์
  4. การประสานงาน : หน่วยงานสงเคราะห์จะมีอำนาจในการประสานงานระหว่างหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งภายในและภายนอก โดยเน้นการสื่อสารและการแลกเปลี่ยนข้อมูลเพื่อให้ได้ข้อมูลที่ถูกต้องและรวดเร็ว อำนาจหน้าที่ในการประส

ในประเทศไทย ความพยายามบรรเทาทุกข์สำหรับผู้ประสบภัยพิบัติมักได้รับการประสานงานและจัดการโดยหน่วยงานและองค์กรหลักหลายแห่ง โครงสร้างหน่วยงานอาจแตกต่างกันไปขึ้นอยู่กับประเภทและขนาดของภัยพิบัติ สำหรับภัยพิบัติขนาดใหญ่ จะมีองค์ประกอบหลักที่เกี่ยวข้อง ดังนี้ :

1.ศูนย์เตือนภัยพิบัติแห่งชาติ (ศปภ.) : ศปภ. มีหน้าที่ติดตามและแจ้งเตือนล่วงหน้าสำหรับภัยธรรมชาติ เช่น น้ำท่วม แผ่นดินไหว และสึนามิ ดำเนินงานภายใต้กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมและทำงานร่วมกับหน่วยงานภาครัฐอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องอย่างใกล้ชิด

2.กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.): ปภ.เป็นหน่วยงานหลักที่รับผิดชอบในการตอบสนองและบรรเทาสาธารณภัยในประเทศไทย อยู่ภายใต้กระทรวงมหาดไทยและมีบทบาทสำคัญในการประสานงานบรรเทาทุกข์ในกรณีฉุกเฉิน DDPM ทำงานอย่างใกล้ชิดกับหน่วยงานของรัฐ หน่วยงานระดับจังหวัด และชุมชนท้องถิ่นเพื่อให้ความช่วยเหลือและจัดการปฏิบัติการบรรเทาทุกข์

3.คณะกรรมการจัดการภัยพิบัติระดับจังหวัด: ในระดับจังหวัด แต่ละจังหวัดในประเทศไทยมีคณะกรรมการจัดการภัยพิบัติที่รับผิดชอบในการประสานงานความพยายามรับมือภัยพิบัติภายในภูมิภาคของตน คณะกรรมการเหล่านี้นำโดยผู้ว่าราชการจังหวัดและประกอบด้วยตัวแทนจากหน่วยงานต่างๆ ของรัฐบาล บริการฉุกเฉิน องค์กรพัฒนาเอกชน และผู้นำชุมชนท้องถิ่น

4.กองทัพไทย: กองทัพไทย ได้แก่ กองทัพบก กองทัพเรือ และกองทัพอากาศ มักมีบทบาทสำคัญในปฏิบัติการบรรเทาสาธารณภัย พวกเขาให้การสนับสนุนด้านลอจิสติกส์ การขนส่ง และกำลังคนเพื่อช่วยเหลือในการกู้ภัยและบรรเทาทุกข์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงที่เกิดภัยพิบัติขนาดใหญ่

5.กระทรวงสาธารณสุข: กระทรวงสาธารณสุขดูแลการตอบสนองด้านการรักษาพยาบาลในช่วงเกิดภัยพิบัติ ประสานทีมแพทย์ โรงพยาบาลสนาม และรับประกันความพร้อมของเวชภัณฑ์และทรัพยากรไปยังพื้นที่ประสบภัย กระทรวงทำงานร่วมกับหน่วยงานสาธารณสุขท้องถิ่น โรงพยาบาล และบุคลากรทางการแพทย์เพื่อให้การรักษาพยาบาลฉุกเฉินและป้องกันการระบาดของโรคในพื้นที่ประสบภัยพิบัติ

6.สภากาชาดไทย: สภากาชาดไทยเป็นองค์กรด้านมนุษยธรรมที่สำคัญที่สนับสนุนการตอบสนองต่อภัยพิบัติและให้ความช่วยเหลือแก่ชุมชนที่ได้รับผลกระทบ พวกเขาเสนอบริการทางการแพทย์ แจกจ่ายสิ่งของบรรเทาทุกข์ และมีส่วนร่วมในโครงการบรรเทาทุกข์และการฟื้นฟูต่างๆ

Search