วิทยาการสาธารณภัย By ดร.วัฒกานต์ ลาภสาร

การปฏิบัติราชการในการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยให้เป็นไปตามระบบ ราชการ 4.0 มุ่งเน้นการพัฒนาระบบราชการให้มีความทันสมัย ยืดหยุ่น และตอบสนองต่อความต้องการของประชาชนและความท้าทายในยุคดิจิทัล แนวทางนี้เน้นการใช้เทคโนโลยีและนวัตกรรมในการเพิ่มประสิทธิภาพและความโปร่งใสในการทำงาน ซึ่งในการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยในรูปแบบของ ราชการ 4.0 จะมีรายละเอียดและแนวทางการปฏิบัติราชการดังนี้:

1. การนำเทคโนโลยีดิจิทัลมาประยุกต์ใช้
  • การใช้ระบบสารสนเทศภูมิศาสตร์ (GIS) เพื่อระบุพื้นที่เสี่ยงภัยและติดตามสถานการณ์ภัยพิบัติแบบเรียลไทม์ สามารถรวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับภูมิประเทศ พื้นที่ที่เสี่ยงต่อภัยพิบัติ เช่น น้ำท่วม แผ่นดินไหว หรือไฟป่า
  • การใช้ Big Data และ AI เพื่อคาดการณ์และประเมินความเสี่ยงในการเกิดภัยพิบัติ และวางแผนการป้องกันที่เหมาะสมโดยอิงจากข้อมูลในอดีตและสถิติต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้อง เช่น การวิเคราะห์แนวโน้มสภาพภูมิอากาศ
  • ระบบเตือนภัยอัจฉริยะ (Smart Warning Systems) ที่สามารถแจ้งเตือนภัยผ่านช่องทางดิจิทัลต่าง ๆ เช่น แอปพลิเคชันมือถือ ระบบ SMS หรือโซเชียลมีเดีย เพื่อเตือนภัยประชาชนได้ทันท่วงทีและแม่นยำ
2. การปรับปรุงกระบวนการทำงานและการประสานงาน
  • การประสานงานระหว่างหน่วยงานต่าง ๆ ด้วยระบบดิจิทัล: หน่วยงานราชการ 4.0 ใช้แพลตฟอร์มออนไลน์ในการประสานงานและสื่อสารระหว่างหน่วยงาน เช่น การใช้ระบบ e-Government เพื่อแลกเปลี่ยนข้อมูลระหว่างหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการรับมือกับภัยพิบัติ
  • การจัดตั้งศูนย์บัญชาการเหตุการณ์แบบดิจิทัล: การใช้เทคโนโลยีเพื่อสร้างศูนย์ควบคุมและบัญชาการที่สามารถติดตามสถานการณ์และสั่งการได้อย่างรวดเร็ว เช่น การใช้ระบบกล้องวงจรปิดที่เชื่อมต่อกับระบบคลาวด์เพื่อติดตามสถานการณ์ภัยพิบัติในพื้นที่ต่าง ๆ
3. การสร้างการมีส่วนร่วมและความร่วมมือกับประชาชน
  • การใช้โซเชียลมีเดียในการสื่อสารและการให้ข้อมูล: ระบบราชการ 4.0 เน้นการสื่อสารกับประชาชนผ่านช่องทางดิจิทัลที่เข้าถึงได้ง่าย เช่น โซเชียลมีเดีย เว็บไซต์ราชการ และแอปพลิเคชัน เพื่อให้ข้อมูลเกี่ยวกับภัยพิบัติ การป้องกัน และการเตรียมตัวรับมือ
  • การใช้แพลตฟอร์มออนไลน์ในการให้บริการประชาชน: เช่น ระบบลงทะเบียนขอความช่วยเหลือหลังเกิดภัยพิบัติ การยื่นคำร้องและติดตามสถานะคำร้องผ่านระบบออนไลน์ หรือการแจ้งข้อมูลความเสียหายจากภัยพิบัติผ่านแอปพลิเคชันมือถือ
  • การใช้แอปพลิเคชันในการรายงานเหตุการณ์ภัยพิบัติ: ประชาชนสามารถรายงานเหตุการณ์ที่เกี่ยวข้องกับภัยพิบัติผ่านแอปพลิเคชัน เช่น น้ำท่วม ไฟป่า หรือลมพายุ เพื่อให้หน่วยงานราชการรับทราบและจัดการกับเหตุการณ์ได้ทันที
4. การพัฒนาทักษะและความพร้อมของบุคลากร
  • การฝึกอบรมบุคลากรด้านการใช้เทคโนโลยีและนวัตกรรม: บุคลากรของหน่วยงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจำเป็นต้องได้รับการฝึกอบรมเกี่ยวกับการใช้เทคโนโลยีดิจิทัล เช่น การใช้ระบบสารสนเทศภูมิศาสตร์ (GIS) การจัดการข้อมูลขนาดใหญ่ (Big Data) และการใช้งาน AI เพื่อช่วยในการวิเคราะห์และตัดสินใจ
  • การเพิ่มทักษะการทำงานแบบบูรณาการ: ราชการ 4.0 เน้นการทำงานร่วมกันระหว่างหน่วยงานและกับภาคประชาชน ซึ่งบุคลากรต้องสามารถทำงานเป็นทีมและมีความยืดหยุ่นในการปรับตัวตามสถานการณ์
5. การส่งเสริมการวิจัยและนวัตกรรม
  • การวิจัยและพัฒนานวัตกรรมด้านการป้องกันภัยพิบัติ: ราชการ 4.0 ส่งเสริมให้มีการวิจัยและพัฒนานวัตกรรมที่สามารถนำมาใช้ในการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย เช่น ระบบตรวจจับภัยพิบัติที่ล้ำสมัย เทคโนโลยีโดรนในการสำรวจพื้นที่เสี่ยงภัย หรือการสร้างโมเดลคาดการณ์การเกิดภัยพิบัติ
  • การร่วมมือกับภาคเอกชนและสถาบันการศึกษา: หน่วยงานราชการควรร่วมมือกับภาคเอกชนและมหาวิทยาลัยเพื่อพัฒนาเทคโนโลยีและนวัตกรรมที่ตอบสนองต่อความต้องการในการรับมือกับภัยพิบัติ เช่น การพัฒนาซอฟต์แวร์เตือนภัย หรือระบบคมนาคมที่ทนทานต่อภัยธรรมชาติ
6. การปรับปรุงโครงสร้างพื้นฐาน
  • การออกแบบเมืองและชุมชนให้รองรับภัยพิบัติ: ราชการ 4.0 ควรมุ่งเน้นการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานที่ยืดหยุ่นและสามารถรับมือกับภัยพิบัติ เช่น การสร้างเขื่อนเพื่อป้องกันน้ำท่วม ระบบระบายน้ำอัจฉริยะ หรือการสร้างอาคารที่สามารถต้านทานแผ่นดินไหว
  • การใช้เทคโนโลยี IoT (Internet of Things) เพื่อสร้างระบบตรวจจับภัยพิบัติแบบอัจฉริยะ เช่น การติดตั้งเซ็นเซอร์ตรวจจับน้ำท่วม แผ่นดินไหว หรือไฟป่า ที่สามารถส่งสัญญาณเตือนได้แบบอัตโนมัติและทันที
7. การวางแผนและบริหารจัดการแบบยืดหยุ่นและปรับตัว
  • การใช้แนวคิด Agile ในการบริหารจัดการแผนป้องกันภัยพิบัติ: แทนที่จะใช้แผนการแบบคงที่ ระบบราชการ 4.0 เน้นการบริหารจัดการที่มีความยืดหยุ่น สามารถปรับแผนและกลยุทธ์ได้ตามสถานการณ์ที่เปลี่ยนแปลง เช่น การปรับแผนการจัดการภัยพิบัติให้เหมาะสมกับสภาพภูมิอากาศที่เปลี่ยนแปลง
  • การใช้ข้อมูลและการวิเคราะห์แบบ Real-time: การใช้ข้อมูลเรียลไทม์เพื่อช่วยในการวิเคราะห์และตัดสินใจในสถานการณ์ฉุกเฉิน ทำให้การตอบสนองต่อภัยพิบัติรวดเร็วและมีประสิทธิภาพ

สรุป

ราชการ 4.0 ในการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจะเน้นการนำเทคโนโลยีดิจิทัล นวัตกรรม และข้อมูลมาใช้ในการปรับปรุงกระบวนการทำงาน การประสานงานระหว่างหน่วยงาน การสื่อสารกับประชาชน และการตัดสินใจที่รวดเร็วและแม่นยำ การมีส่วนร่วมของประชาชนและการฝึกอบรมบุคลากรเพื่อเพิ่มทักษะในด้านเทคโนโลยีเป็นสิ่งสำคัญ ระบบราชการ 4.0 จะทำให้การบริหารจัดการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพและพร้อมรับมือกับภัยพิบัติในอนาคต

Search