วิทยาการสาธารณภัย By ดร.วัฒกานต์ ลาภสาร

แนวคิด “โจรปราบโจร” กับ “โจรช่วยโจร” เดิมที “โจรปราบโจร” เป็นแนวคิดแบบ Realpolitik — คือการใช้ผู้ที่รู้เท่าทันอาชญากรรมมาปราบอาชญากรรมเอง เช่น อดีตแฮกเกอร์มาช่วยด้านความมั่นคงไซเบอร์ หรืออดีตตำรวจที่เข้าใจระบบมาเป็นผู้ปราบ

แต่ระบบตรวจสอบภายในของไทยอ่อนแอ และไม่มีความโปร่งใส แนวคิดนี้จะกลับด้านทันที กลายเป็น “โจรช่วยโจร” — เพราะโครงสร้างที่ให้ “อำนาจ” โดยไม่มีกลไก “รับผิด” (accountability) จะเปิดช่องให้ผู้บังคับใช้กฎหมายเข้าไป แทรกแซงเพื่อปกป้องเครือข่ายผลประโยชน์ แทนที่จะสืบสวนอย่างจริงจัง

ปัญหาเชิงโครงสร้างในไทยที่ทำให้ “โจรช่วยโจร” เกิดขึ้นได้
1.การแต่งตั้งที่โยงผลประโยชน์ การเลื่อนตำแหน่งในสำนักงานตำรวจยังมีเงื่อนไขเชิงอุปถัมภ์ ซื้อขายตำแหน่ง, สายการเมือง, หรือการฝากคนของผู้มีอิทธิพล การปราบ scammer ที่โยงเครือข่ายใหญ่จึงแทบเป็นไปไม่ได้ เพราะผู้สั่งการ “มีห่วงผลประโยชน์ร่วม”.
2.การบูรณาการข้อมูลล้มเหลว แม้จะมีศูนย์ปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (PCT) แต่การแลกเปลี่ยนข้อมูลกับธนาคาร, ปปง., และตำรวจท้องที่ยังล่าช้า — ขณะที่ scammer ย้ายเงินผ่านบัญชีม้าในไม่กี่นาที. → ปรากฏการณ์นี้สะท้อนว่า “ความสามารถทางเทกนิก” ถูกกลบด้วย “ความไม่ร่วมมือทางสถาบัน”.

กลไกเชิงโครงสร้างที่ล้มเหลวนี้ทำให้การปราบปรามเป็นเพียง “การแสดงเชิงภาพลักษณ์” มากกว่าเชิงโครงสร้าง. “ช่วยปล่อยผ่านการนำเข้าอุปกรณ์”, หรือ “เตือนก่อนบุกจับ”. ไม่ตรวจค้น หรือช่วยประสานหน่วยอื่นไม่ให้แตะต้อง.ผลลัพธ์คือ “ภาพลวงของการปราบ” เห็นข่าวจับกุมราย ย่อยได้แทบทุกวัน — แต่ไม่กระทบโครง สร้าง ทุนใหญ่ที่เป็นเจ้าของระบบ.เมื่อหน่วยข่าวต่างประเทศเป็นผู้ชี้เบาะแส แต่ฝ่ายไทยยังไม่ดำเนินการจริงจัง — สังคมจึงรู้สึกว่า “โจรที่มีตรา กำลังช่วยโจรที่ไม่มีตรา”.

Search

https://www.tiktok.com/@msjo.net

Twitter

https://www.youtube.com/channel/UCWQvQCFFyHZtznjgmYvVbfw