พลเอก รังษีหนีช่องห้า ออกมาฟันธงกัมพูชาจะต้องมีนัดล้างตา พะน่ะ ฟังแล้ว ตะลึงเป็นทหารมาจนถึงพลเอก แต่ไม่รู้จักการวิเคราะห์สถานการณ์การรบว่า จะมีนัดล้างตาเกิดขึ้นได้อย่างไร หรือว่ารู้แต่ตั้งใจจะป้ายจมูกสลิ่ม แทนเชือกกล้วยหรือเปล่า เป็นวาทกรรมเชิงการเมืองมากกว่าการวิเคราะห์สถานการณ์จริง เพราะข้อเท็จจริงเชิงยุทธศาสตร์และการทูตชี้ว่า โอกาสเกิดแทบเป็นศูนย์
1.กำลังและทรัพยากรไม่เพียงพอ – เพื่อจะจัดนัดล้างตา กัมพูชาต้องสะสมกำลังทหาร อาวุธยุทโธปกรณ์ และเสบียงให้เพียงพอเพื่อรับมือกับกองทัพไทย ซึ่งการทำเช่นนั้นต้องใช้เวลาและงบประมาณมหาศาล สถานการณ์ปัจจุบันไม่ชี้ว่ากัมพูชามีความพร้อมเต็มที่
2.ความเสี่ยงทางการทูตสูง – การโจมตีตรง ๆ ต่อไทยจะถูกประณามโดยนานาชาติ และอาจนำไปสู่มาตรการลงโทษทางเศรษฐกิจหรือการเมือง ดังนั้น การปะทะเปิดมีความเสี่ยงสูงต่อเสถียรภาพของกัมพูชาเอง
3.ความได้เปรียบเชิงยุทธศาสตร์อยู่กับไทย – ไทยมีเทคโนโลยีและกำลังรบสูงกว่า รวมทั้งมีการตรึงกำลังและการลาดตระเวนในพื้นที่ทับซ้อน ทำให้กัมพูชาไม่มั่นใจว่าจะชนะการปะทะเต็มรูปแบบ
4.ผลประโยชน์ทางการเมืองไม่คุ้มค่า – การโจมตีใหญ่เพื่อเอาคืนทางทหาร อาจเสียทั้งภาพลักษณ์และความสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจและการทูต ดังนั้นคุ้มค่าที่สุดคือ “ก่อกวนใต้ดิน” หรือใช้วิธีการทางการทูตและการข่าวมากกว่า
5.ประวัติศาสตร์และพฤติกรรมที่ผ่านมา – กัมพูชาไม่เคยเปิดปะทะเต็มรูปแบบกับไทยในพื้นที่ทับซ้อนจริง ๆ แสดงว่าการใช้กำลังแบบนัดล้างตาเป็นสิ่งที่ ไม่สอดคล้องกับรูปแบบการดำเนินการที่ผ่านมา
พลเอกรังษีหนีช่องห้าใช้เชือกกล้วย สลิ่มก็คงหลุดคอกอีกแล้ว