วิทยาการสาธารณภัย By ดร.วัฒกานต์ ลาภสาร

สังคมป่วยจากน้องน้ำ (อุทกภัย)  เพราะน้องนำ้มาเยี่ยมเยียนอย่างสม่ำเสมอในพื้นที่  และปล่อยให้ผ่านเลยไปตามสถานการณ์ร้ายแรงที่ผ่านพ้นไปอีกรอบ  สาเหตุที่เป็นเช่นนี้ เนื่องด้วย

  1. สังคมป่วยด้วยการยอมรับรับอำนาจอิทธิพลให้มีการละเลย ดูดายกับการกระทำทางกายภาพที่ทำให้น้องน้ำแสดงพละกำลังต่อวิถีชีวิตของมนุษย์ได้  เราจึงต้องสูญเสียพื้นที่ป่าไม้  พื้นที่ชุ่มน้ำ พื้นที่ทางนำ้ไหลสาธารณะ (แม่นำ้ ลำคลอง) ไปเรื่อยๆ
  2. สังคมป่วยด้วยการไม่สำเหนียก เห็นอกเห็นใจความเป็นอยู่คนอื่น และแสดงออกถึงพลังความสำเหนียก ความเห็นอกความเห็นใจโโยไม่จำเป็นที่จะต้องมีคนอื่นรู้เห็น   ส่วนใหญ่ที่แสดงเพราะกลัวจะถูกติฉินนินทา
  3. สังคมป่วยด้วยไม่ขาดความสนใจศึกษา ค้นคว้าเพื่อทำความเข้าใจผลกระทบของน้องนำ้ให้ชัดเจน

ราษฎรผู้เสียภาษีจะต้องขอบคุณและสวามิภักดิ์ต่อ “รัฐราชการ” และ “ระบบอุปถัมภ์รัฐราชการ” ไปอีกนานแค่ไหน //คนกลุ่มเล็กๆกับอีกมวลหมาประชาชนคนทั้งหลายที่ไม่สมควรปล่อยให้เขาทำตามใจ//ระบบอุปถัมภ์ที่เป็นรูปธรรมจากระดับล่างขึ้นสู่ระดับบน ก็คือการส่งส่วยเป็นทอดๆ//

หลักการแบบคงตัวของรัฐราชการในการป้องกันนำ้ท่วมแบบซ้ำซาก มีดังนี้

  1. การสร้างระบบน้ำที่เหมาะสมและมีความยืดหยุ่น: การวางแผนและพัฒนาระบบการจัดการน้ำที่เหมาะสมจะช่วยลดปัญหาน้ำท่วมซ้ำซากอย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งรวมถึงการสร้างสถานที่ระบายน้ำและระบบระบายน้ำที่มีความยืดหยุ่นเพื่อรับมือกับปริมาณน้ำมากในช่วงเวลาที่ฝนตกหนัก นอกจากนี้ยังควรเน้นในการบำรุงรักษาระบบน้ำอย่างสม่ำเสมอเพื่อป้องกันความเสียหายจากการเกิดน้ำท่วมซ้ำซากในอนาคต
  2. การส่งเสริมการใช้พื้นที่ดินอย่างเหมาะสม: การใช้พื้นที่ดินให้เกิดประโยชน์สูงสุดและลดความเสียหายจากน้ำท่วมซ้ำซากจำเป็นต้องมีการวางแผนให้เกิดการใช้พื้นที่ดินที่เหมาะสม การพัฒนาพื้นที่เมืองอย่างมีวิสัยทัศน์และมีการบริหารจัดการเพื่อลดภาระการรั้งน้ำในพื้นที่เมือง เช่น การสร้างพื้นที่สีเขียว การใช้พื้นที่ที่ไม่เหมาะสมในการก่อสร้าง การจัดสรรพื้นที่เพื่อการระบายน้ำ และการสร้างระบบสะสมน้ำ
  3. การเพิ่มความต้านทานของสังคม: การสร้างความต้านทานของสังคมเพื่อรับมือกับปัญหาน้ำท่วมซ้ำซากสำคัญอย่างมาก ความต้านทานนี้สามารถบูรณาการกับการเพิ่มพลังในชุมชนที่ทำงานร่วมกันเพื่อเผยแพร่ความต้านทานและการรับมือกับปัญหาน้ำท่วมซ้ำซาก ซึ่งอาจรวมถึงการสร้างความรับผิดชอบต่อสิ่งแวดล้อมและการแบ่งปันข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับน้ำท่วมซ้ำซาก
  4. การส่งเสริมการศึกษาและการเรียนรู้: การศึกษาและการเรียนรู้เกี่ยวกับปัญหาน้ำท่วมซ้ำซากเป็นสิ่งสำคัญในการแก้ไขปัญหาในระยะยาว การส่งเสริมการศึกษาเกี่ยวกับปัญหาน้ำท่วมซ้ำซากให้กับสมาชิกในชุมชน รวมถึงการสร้างความตระหนักในการปฏิบัติตามมาตรฐานการจัดการน้ำที่เหมาะสม ซึ่งสามารถทำได้ผ่านการศึกษาอาชีพและการพัฒนาความรู้ที่เกี่ยวข้องกับน้ำท่วมซ้ำซาก
  5. การสร้างการร่วมมือระหว่างภาคีเครือข่าย: ปัญหาน้ำท่วมซ้ำซากเป็นปัญหาที่ต้องการการร่วม