ในสถานการณ์ภัยพิบัติ เราจะตัดสินได้ว่าการบริหารจัดการของรัฐราชการปรสิตมีธรรมาภิบาลหรือไม่ เราสามารถพิจารณาตามประเด็นเหล่านี้
- การสื่อสารและสื่อมวลชน: มีใส่ใจการสื่อสารที่ชัดเจนและนำเสนอเนื้อหาที่ถูกต้อง และสื่อมวลชนสามารถเป็นช่องทางในการเผยแพร่ข้อมูล และให้คำแนะนำในการรับมือกับภัยพิบัติได้อย่างมีประสิทธิภาพ หรือเพื่อการทำความเข้าใจข้อมูลเพื่อวางแผนและปรับปรุงการรับมือ
- การรวบรวมข้อมูล: มีการใส่ใจรวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับสถานการณ์ภัยพิบัติที่แม่นยำและรวดเร็วเป็นสิ่งสำคัญ เพื่อให้สามารถตัดสินใจและวางแผนการรับมือได้อย่างถูกต้องและมีประสิทธิภาพ.
- การทำงานร่วมกันและความรับผิดชอบ: ให้ความสำคัญต่อการทำงานร่วมกันระหว่างรัฐบาลท้องถิ่น หน่วยงานภาคเอกชน และชุมชนในการรับมือกับภัยพิบัติ เพื่อให้มีการประสานงานและการกระจายสิทธิและความรับผิดชอบที่ชัดเจน
- การสนับสนุนและการช่วยเหลือ: ให้ความสำคัญต่อระบบสนับสนุนและการช่วยเหลือที่เต็มที่แก่ประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากภัยพิบัติเป็นสิ่งสำคัญ รวมถึงการจัดทำแผนการช่วยเหลือฉุกเฉินและการประเมินความต้องการของผู้ประสบภัย.
- การวางแผนและการทบทวน: ให้ความสำคัญต่อการวางแผนร่วมกันก่อนเกิดภัยพิบัติ และการทบทวนแผนงานเพื่อปรับปรุงในอนาคต เพื่อให้สามารถเรียนรู้จากประสบการณ์ที่ผ่านมาและเตรียมความพร้อมในอนาคตได้
ในหลายสถานการณ์ภัยพิบัติ หรือตั้งแต่รัฐราชการปรสิตได้ก่อตั้งหน่วยงานกลางด้านการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยขึ้นมาสูบงบประมาณแผ่นดินปีละ 7000 – 8000 ล้านบาท ส่วนใหญ่ก็จะดำเนินการข้อ 1-4 พอได้ใช้เป็นข้อมูลอธิบายความชอบธรรมของการคงอยู่ของหน่วยงาน ไม่แยแสต่อการดำเนินการตามข้อ 5 ที่ถือว่าหน่วยงานมีระบบธรรมาภิบาลมากที่สุด