ภายใต้วาทกรรม “ปราบปรามการทุจริต” ซึ่งถูกใช้เป็นเหตุผลหลักในการทำรัฐประหารปี 2557 มีข้อสังเกตที่ควรถูกพิจารณาในเชิงโครงสร้าง ดังนี้:
ประการแรก รัฐประหารอาจถูกมองว่าเป็น กลไกซึ่งช่วยกลบปัญหาทุจริตเดิม โดยไม่ได้เปิดพื้นที่ให้สังคมตรวจสอบอย่างแท้จริง กลับกลายเป็นการ รีเซ็ตระบบโดยไม่เปลี่ยนกลไกการแสวงหาประโยชน์ ที่เคยดำรงอยู่
ประการที่สอง หลังรัฐประหาร มีข้อสังเกตว่า โครงสร้างอำนาจบางส่วนกลับอำนวยความสะดวกให้กับเครือข่ายผลประโยชน์ ในลักษณะใหม่ ได้แก่:
ลักษณะแรก หน่วยงานรัฐหลักถูกจัดวางด้วยบุคลากรที่มีแนวโน้มตอบสนองต่ออำนาจส่วนกลางมากกว่าต่อกลไกตรวจสอบภายนอก
ลักษณะที่สอง ระบบจัดซื้อจัดจ้างในบางช่วงเวลาขาดความโปร่งใส และเปิดช่องให้กลุ่มทุนที่มีความสัมพันธ์แนบแน่นกับรัฐ ขยายผลประโยชน์ได้โดยไม่ถูกตั้งคำถามจากสาธารณะ
วาทกรรม “ปราบโกง” จึงอาจกลายเป็นเพียงเครื่องมือในการยืนยันความชอบธรรม มากกว่าจะเป็นการปฏิรูปโครงสร้างการทุจริตอย่างจริงจัง