อย่าเปลี่ยนม้ากลางศึก”
ฟังดูเท่เหมือนบทพูดในหนังจีน แต่ในโลกจริงกองทัพไม่ใช่คอกม้า และแม่ทัพก็ไม่ใช่ตัวละครในนิยายกำลังภายในที่จะมีวิชา “ฝ่ามือพิชิตป้อม” คนเดียวในโลก การต่ออายุราชการด้วยเหตุผลแบบนี้มีปัญหาอยู่หลายชั้น:
ปัญหาที่หนึ่ง ศึกไหนกันแน่?
ถ้าสถานการณ์ชายแดนยังไม่ใช่สงครามเต็มรูปแบบ แต่เป็นแค่ความตึงเครียดหรือปฏิบัติการจำกัด คำว่า “กลางศึก” ก็ฟังดูโอเวอร์ เหมือนประกาศสงครามกับความเป็นจริงเพื่อสร้างข้ออ้างให้คนๆ เดียวอยู่ต่อ
ปัญหาที่สอง ระบบหรือคน?
กองทัพที่พึ่งพา “แม่ทัพคนเดียว” จนกลัวจะล่มถ้าคนนั้นไป แปลว่าระบบการฝึก การเตรียมผู้สืบตำแหน่ง และการส่งต่อข้อมูลมันพัง ถ้าเป็นองค์กรมืออาชีพจริง เปลี่ยนตัวแล้วงานต้องเดินต่อได้ แค่ความตึงเครียดหรือปฏิบัติการจำกัดยังจะไม่ไหว
ปัญหาที่สาม อ้างตำรานิยาย เท่ากับ เลี่ยงเหตุผลวิชาชีพ
การโยงกับสุภาษิตโบราณฟังดูขลัง แต่หลบการประเมินเชิงประสิทธิภาพ เช่น ผลงานจริง, แผนงานต่อเนื่อง, หรือว่ามีแผนเผชิญเหตุอยู่แล้วหรือไม่ กลายเป็นว่าตัดสินอนาคตทั้งองค์กรด้วย “บทประพันธ์” มากกว่าหลักการ
ปัญหาที่สี่ ข้ออ้างใช้ซ้ำได้ตลอดกาล
ถ้าหยิบสูตรนี้มาใช้เมื่อไหร่ก็ได้ แปลว่าทุกครั้งที่ใครกำลังจะเกษียณ องค์กรก็จะกลายเป็น “สนามม้า” ที่ไม่มีวันเปลี่ยนตัวขี่ ประเทศชาตินะโว้ยไอ้เกลอ ไม่ใช่สนามพนัน