https://youtube.com/shorts/sma2U4IWiS4
แม้รัสเซียกับกัมพูชาจะต่างกันในขนาด พลังทางเศรษฐกิจ และศักยภาพทางทหาร แต่ ผู้นำที่ครองอำนาจยาวนาน อย่างปูตินกับฮุนเซน กลับมีวิธีคิดการรักษาอำนาจที่คล้ายกันในหลายมิติ เพราะมี โครงสร้างและสภาพแวดล้อมทางการเมือง ที่ใกล้เคียงกัน
1. อำนาจส่วนบุคคลเหนือสถาบัน
ทั้งคู่ทำให้ รัฐกับตัวผู้นำกลายเป็นสิ่งเดียวกัน
ปูติน = รัสเซีย, ฮุนเซน = กัมพูชา
ทำให้ประชาชนถูกบังคับให้มองว่า หากผู้นำล้ม ประเทศก็ล้ม
2. การสร้าง “ภัยคุกคาม” ภายนอก
ใช้ศัตรูภายนอกเป็นเครื่องมือรวมศูนย์อำนาจ
ปูติน → ชี้ NATO, สหรัฐฯ ว่าเป็นภัยต่อความมั่นคงของรัสเซีย
ฮุนเซน → ชี้ไทย, ตะวันตก หรือกลุ่มฝ่ายค้านว่าเป็นภัยต่อกัมพูชา
ตรรกะคือ “ตราบใดที่ศัตรูยังอยู่ ประชาชนต้องรวมตัวอยู่ภายใต้ผู้นำ”
3. ควบคุมสื่อและข้อมูล
ปูติน → จำกัดสื่ออิสระ, ใช้โฆษณาชวนเชื่อของรัฐ
ฮุนเซน → ปิดสื่อฝ่ายค้าน, ใช้สื่อที่รัฐหรือเครือญาติควบคุม
ทั้งคู่รู้ว่า “การควบคุมเรื่องเล่า” มีพลังมากกว่าการควบคุมกำลังทหาร
4. การจัดการฝ่ายค้าน
ปูติน → คุมผ่านกฎหมาย, การจำกัดเสรีภาพ, ใช้กลไกรัฐปราบปราม
ฮุนเซน → ใช้กฎหมาย, ตุลาการ, และการคุมกำลังทหาร–ตำรวจ กวาดล้างฝ่ายค้าน
วิธีคิดคือ “ห้ามปล่อยให้มีพื้นที่สำหรับคู่แข่งทางการเมืองเติบโต”
5. การผูกขาดเศรษฐกิจและเครือข่ายอุปถัมภ์
ปูติน → เครือข่ายโอลิการ์ชเชื่อมโยงกับรัฐและกองทัพ
ฮุนเซน → เครือข่ายธุรกิจ–ครอบครัว คุมเศรษฐกิจผ่านทุนจีน
เครือข่ายเหล่านี้กลายเป็น “ฐานอำนาจซ้อน” ที่ช่วยค้ำจุนผู้นำ
6. สร้างความชอบธรรมเชิงวัฒนธรรม–อุดมการณ์
ปูติน → อ้าง “รัสเซียเป็นอารยธรรมพิเศษ” ที่ต้องปกป้อง
ฮุนเซน → อ้าง “ความมั่นคง–สันติภาพที่สร้างขึ้นหลังสงครามกลางเมือง”
ทั้งคู่ขายภาพว่า “ถ้าไม่มีผู้นำ ประเทศจะกลับไปสู่ความวุ่นวาย”
สรุปได้ว่าคู่แฝดนรก คู่นี้ ความคล้ายกันนี้ไม่ได้เกิดจาก “บุคลิกส่วนตัว” อย่างเดียว แต่เกิดจาก เงื่อนไขการเมืองแบบอำนาจนิยม ที่บังคับให้ผู้นำเลือกใช้วิธีคล้าย ๆ กันเพื่ออยู่รอด
ความแตกต่างสำคัญคือ ขนาดของประเทศ
ปูตินใช้ “การขยายอิทธิพลภายนอก” เพื่อสร้างอำนาจ
ฮุนเซนใช้ “การยึดโยงกับมหาอำนาจ (จีน)” เพื่อรักษาอำนาจ