ลองมองกรมป้องกันละบรรเทาสาธารณภัย กระทรวงมหาดไทย ในมุมของบริษัทเอกชน —โดยบริษัทมี ลูกค้า คือประชาชนผู้เสียภาษี, มี สินทรัพย์หลัก คือถุงยังชีพและเครื่องสูบน้ำ,เรือท้งแบน รถเคลื่อนย้ายผู้ประสบภัย
และมี รายได้ประจำปี จากงบประมาณแผ่นดินหลายหมื่นล้านบาท
แต่สิ่งที่แตกต่างจากบริษัทเอกชนคือ บริษัทนี้ ไม่ต้องแข่งขัน และ ไม่ต้องรับผิดชอบต่อคุณภาพสินค้า ไม่ว่าน้ำจะท่วมซ้ำซากแค่ไหนก็ไม่มีใครถูกปลด ไม่ว่าแผนบริหารภัยพิบัติจะล้มเหลวเพียงใดก็มีเหตุผลนำมาแถได้ว่า “เป็นภัยธรรมชาติที่คาดไม่ถึง” รองรับเสมอ ในที่สุด ความล้มเหลวกลายเป็นสินค้ารุ่นใหม่ ที่สามารถนำกลับไปขายได้ในชื่อ “งบซ่อมแซม ฟื้นฟู และเตรียมความพร้อมระยะต่อไป” ประชาชนจึงต้องจ่ายซ้ำ — ทั้งภาษีเพื่อป้องกันภัย ก่อนเกิดภัยพิบัติ, ภาษีเพื่อฟื้นฟู หลังเกิดภัยพิบัติ, และภาษีเพื่อประชาสัมพันธ์ ในระหว่างเกิดภัยพิบัติ