ภัยพิบัติไม่ได้ทำให้ระบบพัง แต่ ทำให้สิ่งที่พังอยู่แล้วปรากฏชัดขึ้น ราชการทำงานช้า การเมืองแย่งบทบาท ผู้เชี่ยวชาญถูกกดทับ ประชาชนถูกละเลย ระบบไม่ถูกใช้ การเตือนภัยไม่ทำงาน ศูนย์เฉพาะกิจผุดราวดอกเห็ด ภัยพิบัติไม่ได้ทำให้ไทยกลายเป็นรัฐล้มเหลว แต่ทำให้เรามองเห็นว่า ไทยเป็น “รัฐล้มเหลวแบบนิ่ม” มานานแล้ว ประเทศที่ฝนตกหนักขึ้นเพราะ climate change แต่คนตายเพราะ รัฐไม่ได้เปลี่ยนแปลงอะไรเลย ในหลายประเทศ ประชาชนมีสิทธิรู้เวลาอพยพ จุดปลอดภัย แผนที่น้ำ แต่ในไทย ประชาชนเป็นแค่ “ผู้เฝ้าดู” เพราะรัฐกลัวเสียอำนาจการควบคุมข้อมูล ระบบแจ้งเตือนจึงเป็นการสื่อสารทางเดียวจากรัฐสู่ประชาชน ที่หาดใหญ่ก็มีการให้ข้อมูลเท็จกับพี่น้องประชาชนของตนเองอีกต่างหาก ไม่เป็นข้อมูลแบบสองทางที่ประชาชนแจ้งกลับได้ ในน้ำท่วมครั้งนี้ แอปพลิเคชันที่ช่วยจริงคือ แพลตฟอร์มที่ประชาชนส่งพิกัดเอง ไม่ใช่ของรัฐ ถ้ารัฐทำก็ต้องใช้เงิน 400-500 ล้าน จะได้มีตังค์ทอน และก็ต้องใช้เวลา 1-2 ปี นี่คือความย้อนแย้งเชิงอำนาจที่ชัดเจนที่สุดว่า รัฐไทยกลัวประชาชนมีอำนาจในการกำหนดชะตาของตัวเอง

