วิทยาการสาธารณภัย By ดร.วัฒกานต์ ลาภสาร

ในวิกฤตชายแดนไทย-กัมพูชา เรากำลังเห็นบทเรียนคลาสสิกของการเมืองโลกซ้ำรอย: “ชาตินิยม” กำลังถูกใช้เป็นเครื่องมือทางการเมืองที่มีประสิทธิภาพสูง แต่ก็เสี่ยงสร้างหายนะระยะยาว

1. ชาตินิยมคือ “ทางลัดสู่หัวใจ” ของรัฐบาล

  • ช่วยให้ประชาชน “เต็มใจ” มองข้ามปัญหาเศรษฐกิจและค่าครองชีพ ที่กำลังเผชิญ

  • เปลี่ยนภาพลักษณ์ จาก “นักธุรกิจการเมือง” สู่ “ผู้นำภาวะสงคราม” ในเวลาชั่วข้ามคืน

  • สร้าง “ความภูมิใจในการเลือกข้าง” แม้กระเป๋าตังค์จะแฟบลงจากค่าครองชีพ

2. ชาตินิยมสร้าง “นิยามความดี” ทางการเมืองใหม่

ในการเลือกตั้งที่ใกล้เข้ามา เราอาจได้ยินวาทกรรม:

  • ผู้ที่พูดถึง การทูตหรือการเจรจา = “ขี้ขลาด/อ่อนแอ”

  • ผู้ที่ตั้งคำถาม เรื่องงบประมาณทหาร = “ไม่รักชาติ”

  • การเมืองถูกแบ่งเป็นสองขั้ว: “พวกเราที่รักชาติ” vs. “พวกเขาที่สงสัยในชาติ”

3. ชาตินิยมเป็น “ยาชา” กลบความล้มเหลวอื่นๆ

  • ความล้มเหลวในการจัดการ น้ำท่วม ภัยแล้ง ปัญหาค่าครองชีพ

  • ถูกกลบด้วย ข่าวการปฏิบัติการชายแดนและความฮึกเหิม

  • ประชาชนอาจให้โอกาสรัฐบาลต่อ เพราะเชื่อว่า “ภารกิจเพื่อชาติยังไม่เสร็จสิ้น”

4. ข้อเตือนใจจากประวัติศาสตร์โลก

ชาตินิยมช่วยชนะเลือกตั้งได้ เฉพาะเมื่อ “ความกลัวและความภูมิใจ” ยังทำงานอยู่ แต่:

  • เศรษฐกิจที่ย่ำแย่จะกลับมาเป็นประเด็นหลัก เมื่ออารมณ์ชาตินิยมจางลง

  • ความขัดแย้งที่ยืดเยื้อ ทำให้ประชาชนเริ่มตั้งคำถามถึงต้นทุนที่แท้จริง

  • ประเทศที่พึ่งพาชาตินิยมมากเกินไป มักลืมพัฒนาระบบสวัสดิการและเศรษฐกิจที่ยั่งยืน

5. คำถามที่เราควรถามร่วมกัน

  • เรากำลังสนับสนุน “ความเป็นชาติ” หรือ “ความเป็นอยู่ของประชาชน” กันแน่?

  • เราจะให้ความสำคัญกับ “ชัยชนะในสนามรบ” หรือ “ชัยชนะเหนือความยากจน” มากกว่ากัน?

  • เมื่อไหร่ที่ “ความมั่นคงของชาติ” ควรหมายถึง “ความมั่นคงของชีวิตประชาชน” ด้วย?

ท้ายที่สุด: การเมืองที่แท้จริงควรวัดกันที่ คุณภาพชีวิตของประชาชน ไม่ใช่แค่ ระดับความฮึกเหิมในสนามรบวาทกรรม

ประเทศที่เข้มแข็งจริง คือประเทศที่พัฒนาทั้ง ความมั่นคงและความมั่นคั่ง ไปพร้อมกัน
ไม่ใช่ประเทศที่ต้องเลือกระหว่าง “ความยากจนที่ภาคภูมิ” กับ “ความรุ่งเรืองที่อับอาย”

Search

https://www.tiktok.com/@msjo.net

Twitter

https://www.youtube.com/channel/UCWQvQCFFyHZtznjgmYvVbfw