ในวิกฤตชายแดนไทย-กัมพูชา เรากำลังเห็นบทเรียนคลาสสิกของการเมืองโลกซ้ำรอย: “ชาตินิยม” กำลังถูกใช้เป็นเครื่องมือทางการเมืองที่มีประสิทธิภาพสูง แต่ก็เสี่ยงสร้างหายนะระยะยาว
1. ชาตินิยมคือ “ทางลัดสู่หัวใจของประชาชน” ของรัฐบาล สามารถสร้าง “ความภูมิใจในการเลือกข้าง”
2.ชาตินิยมสร้าง “นิยามความดี” ทางการเมืองใหม่
ผู้ที่พูดถึง การทูตหรือการเจรจา = “ขี้ขลาด/อ่อนแอ”
ผู้ที่ตั้งคำถาม เรื่องงบประมาณทหาร หรือวิพากษ์วิจารณ์การทำงานของทหาร เป็นคน”ไม่รักชาติ” เป็นคนชังชาติ เป็นพวกหนักแผ่นดิน
3 ชาตินิยมเป็น “ยาชา” กลบความล้มเหลวอื่นๆ ในการจัดการน้ำท่วม ปัญหาค่าครองชีพ การปราบปรามอาชญากรรมข้ามชาติ ปัญหาการทุจริตคอรัปชั่น ปัญหาเหล่านี้จะถูกกลบด้วย ข่าวการปฏิบัติการชายแดนและความฮึกเหิม
ข้อเตือนใจจากประวัติศาสตร์โลก เมื่อมีการนำความรู้สึกเรื่องชาตินิยมมาใช้ คือ ความขัดแย้งที่ยืดเยื้อ ทำให้ประชาชนเริ่มตั้งคำถามถึงต้นทุนที่แท้จริง ประเทศที่พึ่งพาชาตินิยมมากเกินไป มักลืมพัฒนาระบบสวัสดิการและเศรษฐกิจที่ยั่งยืน
เรากำลังสนับสนุน “ความเป็นชาติ” หรือ “ความเป็นอยู่ของประชาชน” กันแน่?
เราจะให้ความสำคัญกับ “ชัยชนะในสนามรบ” หรือ “ชัยชนะเหนือความยากจน” มากกว่ากัน?
เมื่อไหร่ที่ “ความมั่นคงของชาติ” ควรจะต้องเป็น”ความมั่นคงของชีวิตประชาชน” ด้วย?

