สังคมไทยมีการใช้โซเซียลมีเดียกันเป็นจำนวนมาก มีจำนวนบัญชีที่เปิดกับ Facebook มากประเทศหนึ่ง อยู่ในลำดับ 10 อันดับแรกของประเทศในโลก รวมทั้งยังนิยมใช้โซเซียลมีเดียแพลตฟอร์มอื่นๆ อีกมาก เช่น Twitter , Line ,instagram , Tiktok เป็นต้น กฎเกณฑ์การใช้กว้างๆ มี 3 หลักเกณฑ์ ได้แก่
1. กฎหมาย ที่มุ่งคุ้มครองบุคคลมิให้ได้รับความเสียหาย
2. มาตรฐานทางสังคม (Socail norm) เพื่อควบคุมการแสดงออกให้ถูกกาลเทศะ
3. กฏเกณฑ์ของแต่ละแพลตฟอร์ม ส่วนใหญ่มุ่งรักษามนุษยธรรม
โซเซียลมีเดียกับสาธารณภัยนั้น เราจะต้องพัฒนาให้เป็นของคู่กันหรือเป็นเครื่องมืออันสำคัญอย่างหนึ่งสำหรับสาธารณภัย มีจุดเด่นหรือข้อดีหลายๆ ประการ ที่เป็นประโยชน์อย่างยิ่งในช่วงเวลาวิกฤต เนื่องด้วยสภาพนิเวศของโซเซียลมีเดียต่างๆ กล่าวคือ
1.สามารถเข้าถึงแพลตฟอร์มได้โดยเสรี และตอบสนองต่อสัตว์สังคมอย่างมนุษย์ได้ดี ในแง่ที่ให้มนุษย์แสดงออกสิ่งที่อยู่ในใจของงตนเองให้สังคมรับรู้ และสามารถรับรู้ความรู้สึกและความคิดของผู้คนรอบข้าง
2.ในช่วงเวลาวิกฤต มีข่าวสารมากมายที่พรั่งพรูออกมาจากสังคม ทั้งจากบุคคล กลุ่มคน องค์กร แม้บางส่วนอาจจะไม่ใช่ความจริง เป็นการปล่อยข่า การโจมตีบุคคล แต่ก็สามารถตรวจสอบวิเคราะห์ได้เพราะไม่ได้ถูกจำกัดการเข้าถึงบัญชีของผู้ใช้ แต่ส่วนที่เป็นความจริงและนำมาใช้ประโยชน์ในงานสาธารณภัยนั้นมีคุณค่าอนันต์
จุดด้อยหรือปัญหาอุปสรรคในการนำโซเซียลมีเดียมาใช้ให้เกิดประโยชน์ในช่วงเวลาวิฤตหรือช่วงประสบสาธารณภัย มีด้วยกันหลายๆ ประการ
1. ข้าราชการที่สืบสันดานมาจากยุคเวียงวังคลังนา จะไม่ชอบนำโซเวียลมีเดียมาใช้ประโยชน์ ด้วยมีคำที่ไม่เพราะเสนาะหู คำติมากกว่าคำชม ข้อมูลดีๆ สำหรับการทำงานของตนเองที่จะทำให้ตนเองทำงานเชิงรุกได้อย่างมีประสิทธิภาพก็เลยไม่มี ซี้ซั๊วทำตามที่เจ้านายตามสันดานตัวเองสั่ง/ชี้นิ้ว (มองไม่เห็นเจ้านายตัวจริง อย่างนี้ต้องปฏิรูป)
2. นำมาประยุกต์ใช้โดยไม่มีคุณค่า ข้าราชการบางคนหน้าบานเชียว เดี๋ยวนี้เขาทำงานผ่าน Line กันแล้วพะน่ะ แต่คุณค่าของงานที่ทำที่ประชาชนจะได้รับประโยชน์ มันยิ่งห่างไกลออกไปจากประชาชน ผ่าน Application ผ่าน Line อะไรก็ช่างเถอะ ถ้าประชาชนยังไม่ได้ร่วมใช้ร่วมได้รับบริการผ่านช่องทางนี้ด้วย ก็ไร้คุณค่า
xxxxxxxxxxxxx