วิทยาการสาธารณภัย By ดร.วัฒกานต์ ลาภสาร

ห้องเรียนวิบัติ ขัดเกลาสู่หายนะจากสาธารณภัย

จากการศึกษาสภาพห้องเรียนจากนักเรียนระดับมัธยมศึกษาตอนต้น (ม.1-ม.3)ในพื้นที่จังหวัดศรีสะเกษ ยโสธร อำนาจเจริญ และอุบลราชธานี ได้ภาพของห้องเรียนวิบัติอย่างชัดเจนที่จะเป็นบ่อเกิดสาธารณภัยขึ้นในสังคม อยู่มากถึง 9 ห้องเรียน  จากตัวแปรต้น ทั้งหมด 15 ห้องเรียนที่ใช้ศึกษาวิจัย

สภาพห้องเรียนวิบัติ ใช้ตรรกะวิบัติอันจะเป็นคนประกอบสร้างสาธารณภัยในอนาคต โดยไม่รู้ตัวหรือไม่รู้ตัว และไม่สามารถแก้ไขปัญหาสาธาณณภัยได้

ความไร้วุฒิภาวะในห้องเรียน ของครูห….ๆ ที่สร้างยรรยากาศในห้องเรียนให้ไม่เป็นห้องเรียน  แม้จะสอนเก่งแต่บางทีก็ไม่มีอารยะ

1. แบบไก่ขันก่อนตะวันขึ้น เป็นไปด้วยคำเพ้อเจ้อในทำนอง ถ้าไก่ไม่ขันตะวันก็ไม่ขึ้น บัญญัติข้อความโดยไม่มีหลักฐานยืนยัน กลัวข้อกฎหมา.. ข้อบัญญัติมารยาทจะไม่สามารถควบคุมต่อไปได้

2.แบบฉัน (ครู)เป็นผู้ดี / แบบยกหางตัวเอง เป็นไปด้วยคำเพ้อเจ้อในทำนอง ฉันเรียนมาจนเป็นครูอย่ามาเถึยง เธอหัดมีมารยาทบ้าง สาธยายคุณความดีตั้งแต่บรรพบุรุษปกป้องหลั่งเลือด มาจนถึงครูผู้แสนวิเศษยืนอยู่หน้าห้องเรียนแห่งนี้ สงสัยว่าครูอยากให้เด็กโตขึ้นแล้วกลัวพวกที่อวดอ้างตนว่าเป็นผู้ดี รวมทั้ง พวกเกาะผู้ดี

3. แบบงูเขียวขู่ฟ่อๆ (ข่มด้วยอำนาจ) เป็นไปด้วยคำเพ้อเจ้อในทำนอง พูดจาคำคมๆ คล้ายมีดพร้าของมีคมเพื่อกันไม่ให้เด็กถาม เพราะตนเองไม่มีสติปัญญาจะมาตอบจะมาวิพากษ์กับแม้แต่นักเรียน

4. แบบชูสถานะทางสังคม/หน้าที่ทางสังคม เป็นไปด้วยคำเพ้อเจ้อทำนอง มีหน้าที่เรียนก็เรียนไป  อย่าเอาเรื่องอื่นมายุ่งในสมอง

5. แบบห้องพิพากษา (กล่าวหา/ประชดประชัน) เป็นไปด้วยคำเพ้อเจ้อทำนอง อย่ามาทำเป็น…อย่ามาพูด….ใช้คำข่มให้กลัว ให้สำนึกว่านักเรียนผิด แทนที่ใช้ข้อมูลข้อเท็จจริง

6. แบบพ่อปลาไหลแม่ฟาร์มปลาไหล เป็นไปด้วยคำเพ้อเจ้อทำนอง ครูประสบผลสำเร็จ ได้ดิบได้ดีมาเพราะยังงี้ ปฏิบัติอย่างไรมา

7. แบบจำแลงบ่อโคลนตม / แบบน้ำขุ่นๆ (กลางๆกลวงๆเนียนๆ /สีข้างเข้าถู /แถแบบรอดช่อง) เป็นไปด้วยคำเพ้อเจ้อทำนอง  เอาเรื่องที่ไม่มีเหตุผล สรุปอ้างว่าเชื่อฟังครูแล้วดี อ้างพื้นฐานทางสังคมมาชูเพื่อให้เชื่อฟัง  ยังไม่มีข้อมูล  ยกมโนของตนเองมาอ้าง  เอากรณีเดียวมาเป็นข้อสรุป  จับแพะชนแกะเป็นนิสัย  เอาเรื่องใน Socail media มาเพ้อเจ้อหน้าห้องเรียนแบบไม่มีเหตุผล (ดูคล้ายจะเป็นครูทันมัยทันยุคทันการณ์ แต่สลิ่มชัดๆ) กลางกลวงเนียนๆ คนอื่นไม่เปิดใจกว้าง ไม่รับฟังเหตุผล

8. แบบกำปั้นทุบดิน เป็นไปด้วยคำเพ้อเจ้อทำนองที่กล่าวให้เชื่อโดยอธิบายเหตุผลไม่ได้ อย่ามาทำพูดยียวนกวนครูบาอาจารย์ อย่ามาเก่งกว่าครูบาอาจารย์ ไม่ใช้ข้อมูลข้อเท็จจริงมาเป็นข้อสรุป

9.แบบนักค้าทาส (กดขี่) เป็นไปด้วยคำเพ้อเจ้อทำนอง ใช้ hate speech  ดุดัน ตะคอกใส่ปานเห่า   งัดข้อด้อยของเด็ก หรือของสังคมมาใช้บ่อยๆ  พวกจมปลัก

ห้องเรียนทั้งหมด อยู่ในการอำนวยการของตำแหน่งผู้อำนวยการโรงเรียนผู้อำนวยการสถานศึกษา  ที่เร็วๆ นี้ มีคนเสนอจะเปลี่ยนเป็นชื่อเป็นตำหน่งครูใหญ่ ต่างก็ออกมาคัดค้านกันเต็มประเทศ ไม่รู้หวงตำแหน่งหรือหวงห้องเรียนของเด็กๆ จะถูกเปลี่ยนรูปแบบกันแน่น๊า… เสียสละทุกอย่างเพื่อรักษา 10 ห้องเรียนไว้ด้วยชีวิตกันหรือ

ตารางสถิติในการศึกษาวิจัย

Proudly powered by WordPress