วิทยาการสาธารณภัย By ดร.วัฒกานต์ ลาภสาร

การให้น้ำแก่พืชอย่างประหยัดในพื้นที่แห้งแล้ง

ในพื้นที่ค่อนข้างแห้งแล้งฝนตกน้อย  เกษตรกรที่ปลูกพืชควรมีแหล่งกักเก็บน้ำไว้ใช้ในช่วงฤดูแล้งและมีการจัดการน้ำอย่างประหยัดและมีประสิทธิภาพ  เพื่อให้พืชเจริญเติบโต สามารถผ่านพ้นช่วงที่แห้งแล้งได้  โดยควรมีการให้นำ้ด้วยวิธีประหยัดเท่าที่พืชต้องการและเพียงพอกับการเจริญเติบโตของพืช  การให้นำ้อย่างประหยัดยังทำให้สามารถเพิ่มพื้นที่ให้น้ำได้มากขึ้น

การจัดการน้ำอย่างประหยัด

๑. การให้น้ำแบบประหยัดเหนือผิวดิน การให้น้ำแบบประหยัดเป็นการให้น้ำแก่พืชครั้งละน้อยๆ แต่บ่อยครั้งด้วยอัตราที่ตำ่และไม่ครอบคลุมเต็มพื้นที่บริเวณรากพืชทั้งหมด  เช่น การให้น้ำแบบหยด  การให้น้ำแบบมินิสปริงเกอร์ ซึ่งช่วยประหยัดน้ำได้มาก  การระเหยน้ำจากผิวดินก็น้อยกว่าการให้น้ำวิธีอื่นๆ โดยต้องมีแหล่งเก็บกักน้ำ เครืิ่องสูบน้ำ เครื่องกรองน้ำ ท่อพีวีซี ท่อพีอี หัวหยด และหัวเหวี่ยงน้ำ  ปัจจุบัน อุปกรณืการให้น้ำราคาถูกลงมากและมีแหล่งจำหน่ายอย่างแพร่หลาย  ต้นทุนของการวางระบบการให้นำ้แบบหยดและมินิสปริงเกอร์เฉลี่ย 5,000 – 6,000 บาทต่อไร่  มีอายุการใช้งานนายหลายปี  เกษตรกรที่ปลูกผักและไม้ผลสามารถเพิ่มผลผลิตได้มากขึ้น  เมื่อใช้ระบบการให้น้ำแบบประหยัด  และสามารถเลือกวิธีการให้เหมาะสมกับพืชที่ปลูกได้โดยมีประสิทธิภาพการให้น้ำถึง 80-98 เปอร์เซ็นต์  ใช้ได้กับดินทุกประเภท ประหยัดแรงงาน เวลา และพลังงานในการให้นำ้


๒. การให้น้ำแบบประหยัดใต้ผิวดิน  เป็นการให้นำ้ทางใต้ผิวดินด้วยวัสดุที่หาง่ายและราคาถูกเกษตรกรก็สามารถปฏิบัติได้ ได้แก่



ความเหมาะสม

– เหมาะกับดินที่มีเนื้อชนิดเดียวกัน

– เนื้อดินมีการดูดซึมน้ำมากพอที่จะปล่อยให้น้ำไหลลงในดินได้เร็วทั้งแนวราบและแนวดิ่ง

– พื้นที่ควรจะราบเรียบและเกือบอยู่ในแนวราบ

– พืชที่เหมาะสม คือ ผัก พืชไร่ หญ้าเลี้ยงสัตว์ และไม้ดอกต่าง ๆ แต่ไม่เหมาะสม กับพืชสวนและพืชยืนต้น

ลักษณะที่สำคัญ

– วิธีนี้ใช้กับดินที่มีความสามารถในการอุ้มน้ำต่ำ และ อัตราการดูดซึมสูง ซึ่งไม่สามารถให้ น้ำทางผิวดินได้

– การระเหยน้ำจากผิวดินต่ำ

– สามารถควบคุมน้ำใต้ดินให้อยู่ในระดับที่ที่จะเป็นประโยชน์ต่อพืชที่อายุต่าง ๆ ได้

– สามารถใช้เป็นระบบระบายน้ำได้ด้วย

– ต้องการแรงงานในการให้น้ำน้อย

– ประสิทธิภาพในการให้น้ำสูง

ข้อจำกัด

– ไม่สามารถใช้ได้ดีกับน้ำที่มีเกลือผสมอยู่มาก

– พื้นที่ข้างเคียงจะต้องมีการให้น้ำวิธีนี้ด้วยมิฉะนั้นจะมีปัญหาเรื่องการระบายน้ำ

– การงออกของเมล็ดอาจจะไม่สม่ำเสมอถ้าไม่มีการควบคุมระดับน้ำใต้ดินให้มีการซึมอย่างสม่ำเสมอ

– สามารถใช้ได้กับพืชเพียงบางชนิด พืชที่มีรากลึก เช่น พืชสวนและพืชยืนต้นไม่เหมาะสมที่จะให้น้ำโดยวิธีนี้

– ปุ๋ยที่ให้แก่พืชแผ่กระจายไปทั่วเขตรากได้ช้ากว่าแบบให้น้ำทางผิวดินหรือแบบฉีดฝอย

Proudly powered by WordPress