การใช้ที่ดินในประเทศไทย มีลักษณะที่เป็น “หมูในอวย” มานานแสนนาน แต่นับต่อแต่นี้ไป มันจะไม่เป็นเช่นนั้นอีกต่อไป
หากใช้ที่ดินไม่เหมาะสม ถูกต้องตามสภาพดิน ตามสภาพภูมิประเทศ ตามสภาพภูมิศาสตร์ ตามสภาพภูมิอากาศ ใช้ดินเหมือนกับทาส ที่ไม่มีการบำรุงรักษา ไม่มีการพัฒนา เราจะได้รับผลกระทบจากการใช้ที่ดินนั้น ไม่ได้รับประโยชน์อันใดเลย แม้จะได้รับประโยชน์ส่วนตน แต่การใช่ที่ดินของตนนั้นจะสร้างผลกระทบต่อส่วนรวม นับต่อแต่นี้ไปจะเป็นเช่นนี้ตลอดไป การใช้ที่ดินจะใช้เหมือนลักษระเดิมไม่ได้อีกแล้ว
ถ้าถามว่า การวางผังเมืองที่กำลังจะคลอดกฎหมายออกมาบังคับใช้(แต่ไม่รู้จะเต็มพื้นที่ได้เมื่อไหร่ ถ้าอีก ๓๐ ปี อาจจะสายเกินไปสำหรับสมดุลการใช้) สามารถแก้ปัญหาได้หรือไม่
คำตอบ คือ ไม่ได้แน่นอนครับ….ซึ่งเรื่องนี้ เราวิ่งตามหลังเวียดนาม อยู่ ๓๐ ปี (ประเทศในกลุ่มอาเซียนอื่น เหมือนเราคือ กัมพูชาและพม่า ที่ใครจะใช้ที่ดินตรงไหนทำอะไรก็ได้ ไม่มีข้อจำกัด มีทางเลี่ยงบาลีได้ และไม่ต้องสนใจว่าแผนหลักในการพัฒนาประเทศเป็นอย่างไร นอกนั้น ข้อมูลหลายอย่างบ่งชี้ว่าดีกว่าไทยเราเยอะ)
ข้อบกพร่องของไทยเรา (อ้างอิงจาก : ดร.แสวง รวยสูงเนิน , ฟูกูโอโกะคิดแต่ลุงแหวงลูกชาวนาทำสำเร็จในเมืองไทย ๒๕๕๕) คือ
๑.ไม่มีการกำหนดว่าเราจะใช้พื้นที่ดินในปริมาณและสัดส่วนเท่าไหร่ ใครถือครอง ใครใช้ได้ผลไม่ได้ผลอย่างไร
๒.ที่ดินที่ไม่เหมาะสม จะต้องพัฒนาปรับปรุง หรืออนุรักษ์ให้ใช้ประโยชน์อย่างยั่งยืนได้อย่างไร
๓.มีแผนการใช้ประโยชน์และแก้ปัญหาให้มีผลกระทบต่อระบบสังคม เศรษฐกิจ และทรัพยากรธรรมชาติสิ่งแวดล้อมอย่างไรบ้าง
ซึ่งหากมีการดำเนินการตามที่กล่าวมาข้างต้น เราอาจจะไม่มีสถานการณ์มหาอุทกภัย ปี ๒๕๕๔ หรือ สภาพความแห้งแล้งที่เกิดขึ้นทุกปี
——————————฿฿฿฿฿฿฿฿฿฿฿฿฿฿฿฿฿฿——————————————