วิทยาการสาธารณภัย By ดร.วัฒกานต์ ลาภสาร

จุดออ่นของสังคมนิรภัย ผู้คนในสังคมมักจะมีลักษณะต่างๆ ต่อไปนี้ ให้เห็นอย่างเด่นชัด ได้แก่

๑.มักอ้างปมด้อย

ไม่ค่อยกล้าที่จะยอมรับปมด้อย และมักเอ่ยอ้างปมด้อยเพื่อแก้ตัว หรือนำไปเป็นข้ออ้างที่จะไม่พยายามกำจัดปมด้อยเหล่านั้น ไม่พยายามพิสูจน์ให้คนอื่นเห็นว่า เอาชนะจุดด้อยได้  มักใช้ปมด้อยไปในการให้คนอื่นเห็นอกเห็นใจ ภัยพิบัติในโลกนี้ ผู้ที่ได้รับเคราะห์มากที่สุดคือ ผู้ที่มักที่อ่้างปมด้อย  ผู้ที่มักน้อยเนื้อตำ่ใจ


๒.รักศักดิ์ศรีมากเกินไป

โดยเอาศักดิ์ศรีเป็นที่พึ่งทางใจ ทำให้ขาดการปรับปรุงเปลี่ยนแปลงตนเอง ประสานความร่วมมือที่จะพัฒนาตนเองและสังคม ภับพิบัติในโลกนี้ ผู้ที่ได้รับเคราะห์มากที่สุด คือคนที่รักศักดิ์ศรีจนไม่ลืมหูลืมตา  ไม่สามารถมองเห็นได้ว่า       ความเสี่ยงที่ยิ่งใหญ่ที่สุด คือยอมอยู่ในสภาพอับตันเดิมๆ

๓.ความละโมบ

ทำให้เมื่อสบโอกาสมักจะเอารัดเอาเปรียบสังคมโดยไม่รู้ตัว เพื่อเอาตัวรอด ไม่เห็นแก่ประโยชน์ส่วนรวม ซึ่งสังคมนิรภัยผู้คนส่วนใหญ่ ต้องเห็นแก่ประโยชน์ส่วนรวมให้มาก ภัยพิบัติที่มีในโลกนี้ คนที่ได้รับเคราะห์มากที่สุดคือคนที่ละโมบ ไม่คำนึงถึงแม้ความปลอดภัย ยอมเสียเวลา  เสียทรัพย์สินเงินทองเล็กๆน้อยๆเพื่อความปลอดภัยก็ไม่ยอม  มีทัศนคติที่ว่าขอแค่ไม่เป็นโทษมากนัก หรือมีผลร้ายไม่ปรากฏฉับพลันทันทีก็พร้อมที่จะลุย คนรวยที่ช่วยเหลือในยามภัยพิบัติ  โดยใช้เงินกับชื่อ สุดท้ายก็จะแปรเป็นผลประโยชน์ การบริจาคถือเป็นการลงทุน ทำเพื่อส่งเสริมภาพลักษณ์

๔.มักทำอะไรสุดโต่ง

ซึ่งส่วนใหญ่สังคมไทยมักจะมีความอ่อนแอแบบสุดขั้ว หลบเลี่ยงหรือไม่ต่อต้านถ้าตัวเองจะเดือดร้อน หรือจะลำบาก ไม่คิดว่าตนเองจะเดือดร้อน ลำบากมากขึ้นจากการเพิกเฉยนั้น

๕.อยากเป็นเศรษฐ๊ใหม่

ขอให้ได้เงินมา โดยที่ตนเองไม่ต้องเสี่ยงเข้าคุกเข้าตาราง  แม้จะรู้ตัวว่าตนเองเอารัดเอาเปรียบคนอื่นหรือเอาเปรียบสังคมก็ตาม

๖.ขยาดความจน

มักจะนำเอาสิ่งที่ดูดีที่สุดมาไว้ภายนอกไว้อวดไว้โชว์คนอื่น ไม่มีแบบแผนทางเศรษฐกิจในการดำเนินชีวิต จะไม่สามารถทนประหยัดได้เลย มักมองแค่ผลลัพธ์  เคลิบเคลิ้มในผลประโยชน์จอมปลอม และมักมองข้ามความเสี่ยงต่างๆเสมอ

 

————————————————————-99999999999999999999—————————————————————