ในช่วงปลายปี พ.ศ. 2563 ประเทศไทยมีการชุมนุมแสดงออกทางการเมืองของนิสิต นักเรียน นักศึกษาบ่อยๆ จนถึงปลายเดือนตุลาคม 2563 มีการชุมชนุมการแสดงความคิดเห็นทางการเมืองกันทุกวัน และมีม๊อบแสดงความคิดเห็นต่างกับนิสิต นักเรียนนักศึกษาที่ได้รับจัดตั้ง เป็นม๊อบรวมศูนย์
ทำให้มองสะท้อนถึงการจัดการภัยพิบัติโดยอาศัยชุมชนเป็นฐานมีลักษณะเดียวกันกับม๊อบเสื้อเหลืองม๊อบเห็นต่างกับนักเรียนนักศึกษาที่ได้รับการสนับสนุนพร้อมพรั่งทั้งป้ายไวนิล ธง รูป การเดินทาง แต่มีเพียงความรักความหลง นอกนั้นก็ไม่รู้เหนือรู้ใต้อะไร (เหมือนกันการมานั่งฟังอิทธิฤทธิ์ของบริษัท ปภ.จำกัด มีเรื่องมีราวต้องรู้ขอน่ะจะรีบจัดสรรให้ความอนุเคราะห์ และต้องทำตามขั้นตอนด้วยนะเริ่มจากคอยฟังประกาศของทางราชการ แจ้งประสานขอรับความช่วยเหลือ แล้วเข้าสูภาวะอยู่ในคำสั่งทำตามคำแนะนำ )
กับอีกม๊อบหนึ่งมีเพียงมือมีเพียงโทรโข่งหรือบางทีมีรถขยายเสียงแต่ส่วนใหญ่มีความมุ่งมาดปราถนาร่วมกันที่จะฝ่าฟันด้วยอุดมการณ์เดียวกัน ซึ่งลักษณะดังกล่าว ถ้ามุ่งมาใช้ด้านภัยพิบัติก็จะเป็นต้นธารของการปฏิรูป จะเกิดพื้นที่ใหม่ๆ ของประชาชนในการเข้าร่วมการจัดการภัยพิบัติ เกิดเครื่องมือใหม่ๆ ในการลดผลกระทบหรือการปรับตัวอยู่กับภัยพิบัติ ถ้าเป็นม๊อบเสื้อเหลืองก็เสร็จโก๋บริษัทป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจำกัด
ตารางเปรียบเทียบความก้าวหน้าของการชุมนุมของนักเรียนกับความล้าหลังของการจัดการภัยพิบัติ
มิติใหม่การชุมนุมของนักเรียนนักศึกษา |
ความล้าหลังการจัดการภัยพิบัติ |
แนวทางพัฒนา |
เปิดพื้นที่การเมืองใหม่ |
ฮุบพื้นที่จำกัดพื้นที่ด้วยการออกกฎหมาย ออกระเบียบมาปิดพื้นที่ สร้างวัฒนธรรมศักดินา |
มุ่งสร้างองค์กรให้เป็นฮับของโลกเสมือนจริง |
การใช้เครื่องมือใช้รูปแบบใหม่ๆ ในการแสดงออก |
เครื่องมือใหม่ๆ แต่จำกัดคนใช้เฉพาะบริวาร รูปแบบใหม่ๆ ที่ดำเนินการต้องพึ่งพาพวกตน |
เครื่องมือเครื่องใช้ที่ทุกคนสามารถใช้ได้ ถอยไปทำโครงสร้างนิรภัยให้สังคม ลดการสะสมเครื่องมือเครื่องใช้ให้พวกตน |
คนรุ่นใหม่เข้าสู่พื้นที่ |
ต้องขึ้นทะเบียน ต้องอบรมจัดตั้ง |
การสร้างสมรรถนะถ้วนทั่ว |
————–xxx——————