วิธีการ มาตรการ แนวทางการแก้ไขปัญหาภัยพิบัติของหน่วยงานราชการ
1. ก่อนการเกิดสาธารณภัย ให้ความสำคัญกับการสร้างกระบวนทัศน์ร่วมกันของหน่วยงานหลัก หน่วยงานที่เกี่ยวข้องและหน่วยงานประสานงาน ดังนี้
1) สร้างกระบวนทัศน์ในการจัดการสาธารณภัยร่วมกันของจังหวัดว่า “ภัยพิบัติต้องเกิดขึ้นแน่นอน ฉะนั้น ต้องมีการวางแผนการรับมือโดยอาศัยความรู้ทางวิชาการ และไม่นำไปเชื่อมโยงกับผลประโยชน์ทางการเมือง”
2) ให้ทุกตัวแทนการขัดเกลาทางสังคมให้ความสำคัญกับการรับมือกับภัยพิบัติ อันจะทำให้เกิดการเรียนรู้และเตรียมพร้อม อีกทั้ง จะทำให้เกิดพลังความร่วมมือระหว่างกันเมื่อประสบภัยพิบัติ
2. และเมื่อเกิดภัยพิบัติขึ้น จนก่อให้เกิดสถานการณ์ฉุกเฉินหรือในภาวะวิกฤตที่มีผลกระทบต่อพื้นที่ระดับจังหวัด จะต้องมีการดำเนินการในภาวะวิกฤต ดังนี้
1) ภายใน 12 ชั่วโมงแรกของการปฏิบัติงาน คือ การลดช่องว่าง(GAP) ใน 2 ด้าน
ด้านแรก การติดตามภารกิจของหน่วยงานต่างๆที่เกี่ยวข้อง ที่เข้าปฏิบัติงานในพื้นที่เกิดภัยพิบัติ
ด้านที่สอง ระบบโลจิสติกส์
2) ภายใน 24 ชั่วโมงแรกของการปฏิบัติงาน คือ การลดช่องว่าง(GAP) ใน 2 ด้าน
ด้านแรก ซักซ้อมความรับผิดชอบของเจ้าหน้าที่บุคลากรในหน่วยงานต่างๆ
ด้านที่สอง ประสิทธิผล โดยยึดหลักที่สำคัญ 2 ประการ คือ ประสิทธิภาพและการลดผลกระทบ
3) ภายใน ๓๖ ชั่วโมงแรกของการปฏิบัติงาน คือ การลดช่องว่าง(GAP) ใน 2 ด้าน
ด้านแรก การประเมินข้อบกพร่อง ข้อขัดข้อง ความล้มเหลวหรือความผิดพลาด (Failure Mode and Effect Analysis(FMEA)) ใน 2 ประเภท คือ
(1) Design FMEA
(2)และ Process FMEA
ด้านที่สอง ศักยภาพการใช้ Statistical process control(SPC) เพื่อติดตามควบคุมและออกแบบกระบวนการทำงานใหม่ จากปัจจัยที่เป็น Common Causes และ Special Causes
4) ภายใน 48 ชั่วโมงแรกของการปฏิบัติงาน คือ การลดช่องว่าง(GAP) ใน 2 ด้าน
ด้านแรก ห่วงโซ่อุปทาน(Supply Chain) เพื่อให้เกิดคุณภาพ สร้างคุณค่าจากการสอดประสานดำเนินงานของหน่วยงานต่างๆ
ด้านที่สอง การวางกลยุทธ์ Outsourcing เพื่อสนับสนุนห่วงโซ่อุปทาน(Supply Chain)
5) ภายใน 3 วันแรกของการปฏิบัติงาน คือ การลดช่องว่าง(GAP) ใน 2 ด้าน
ด้านแรก การวางกลยุทธ์ Poka-Yoke เพื่อทำให้ข้อผิดพลาดในกระบวนการบริหารจัดการไม่มีวันเกิดขึ้น หรือถ้าหากเกิดขึ้นก็สามารถสังเกตุเห็นได้ทันที
ด้านที่สอง ศักยภาพการใช้ Seven Quality Control Tools เพื่อปรับปรุงการบริหารจัดการของผู้อำนวยการจังหวัด
3. และภายหลังสาธารณภัยสิ้นสุดลงแล้ว ให้ความสำคัญกับการดำเนินการ ดังนี้
1) ความยั่งยืนของการฟื้นฟูบูรณะ
2) การสรุปบทเรียน
—————–555555555555—————