ในช่วงต้นปี 2563 ประเทศปกคลุมไปด้วยการแพร่ระบาดของไวรัส จากการมโนของข้าราชการที่อยู่ภายใต้ 84,000 เซล จากการทำงานแบบเสร่อๆ แบบไร้เป้าหมายที่ชัดเจน การพลิกวิกฤติเป็นโอกาสทั้งด้านการศึกษาและการเมืองการปกครอง การศึกษาแบบโรงงานอุตสาหกรรมควรยกเลิก การเมืองการปกครองเราควรได้บทเรียนว่ารัฐรวมศูนย์ทำงานได้ไม่มีประสิทธิภาพ และรัฐสวัสดิการเฉพาะด้านต้องเริ่มแล้วค่อยๆ ทำ บริหารเงินให้อยู่ถูกที่ถูกทางก็ทำได้ ไม่ปล่อยไปกับแผนงาน/โครงการที่ไม่มีประโยชน์จริง (ข้าราชการกล่าวอ้างแทนประชาชน) ปรับปรุงโครงสร้างต่างๆที่จะไม่ปล่อยให้เงินไหลไปรวมที่เจ้าสัว
1.มองไม่เน้น/มองข้าม/ไม่มีปัญญาคิด ถึงกระบวนการมีส่วนร่วมพัฒนากระบวนการคิดและเรียนรู้สถาปนาพื้นที่ปลอดภัยและสร้างสรรค์สำหรับการถกเถียงกัน ช่วยกันแก้ปัญหาที่เจอในวิถีสังคมชีวิต แต่ปากพรำ่ๆๆเสมอขอความร่วมมือจากพี่น้องประชาชน (ทำตามสิ่งที่รัฐคิดได้ที่ละเรื่องทีละประเด็น บางทีก็ตำ่กว่า 84,000 เซลมากๆๆ เป็นคนชี้บอกข้อกำหนด)
2.มองไม่เน้น/มองข้าม/ไม่มีปัญญาคิด ถึงว่าคนจนเมืองจะอดตายก่อนติดเชื้อ COVID-19 ไม่รู้สากับเหตุการณ์โทนโท่ความเดือดร้อนของประชาชน (แต่ปลัดกระทรวงการคลัง/กรรมการใน ศบค. กลับคิดอย่างชาญฉลาดทาสซาตานว่า ไอ้พวกมาบุกมาบุกกระทรวง ดราม่าเพื่อหวังเป็นข่าวได้เงินบริจาคจากสังคม)
3.รัฐบาลดิ้นรนเพื่อขยายเวลาการครองอำนาจการบริหารประเทศต่อ (ถ้าไม่ใช่พวกสลิ่ม สถานการณ์ลักษณะนี้ จะออกมาไล่ว่าหมดความชอบธรรมไปแล้ว) ด้วยการดึงอำนาจการทำงานในแต่ละทรวงมาตั้ง ศบค.ที่มีปลัดกระทรวงที่เกี่ยวข้องมานั่งบริหารศูนยฺ์ แต่ส่วนใหญ่ปลัดกระทรวงสาธารณสุขให้มุมมองร้ายแบบไร้หัวใจกับปลัดกระทรวงมหาดไทยโชว์มาตรการปั่นตัวเลขผลงานของข้าราชการตัวเลขผู้ป่วย ดึงจากปากพวกหิวโหยมาให้กลุ่มปัญญากลับยุคอยุธยา พวกใต้บังคับก็ประเภทไม่เด็ดขาดในเรื่องที่ต้องเด็ดขาด แต่เรา(เสือก)ไปเด็ดขาดในเรื่องที่ไม่จำเป็นต้องเด็ดขาด (สมองหวาน แหง่งหง่างไปตามฆ้อนตีระฆัง (แทบจะไม่เห็นฆ้อนตีพวกนี้เลยนะ กลัวจะไม่เป็นมือเปนตีนให้ในรูปแบบที่ไม่มีธรรมาภิบาล)
4.มองไม่เน้น/มองข้าม/ไม่มีปัญญาคิด การอยู่และใช้ชีวิตในภาวะโรคระบาดนานๆ แม้เราไม่ใช่ผู้ติดเชื้อโดยตรง แต่การอยู่กับภาวะโรคระบาดที่ยาวนานเช่นนี้ ทำให้ทุกคนเกิดความเครียดได้เช่นกัน สภาพสังคมที่มาจากมาตรการของรัฐบีบให้ประชาชนอยู่แบบหายใจแบบวันต่อวัน (แบบคนป่วยนอนเตียง) มาตรการให้มีการปรับตัวมาทำงานที่บ้านหรือ work from home กลับฆ่าคนจนเมืองที่ไม่สามารถปรับการทำงานมาทำงานที่บ้านได้
—————————–//////////////////——————–