การที่จะเข้าสู่ความพร้อมพอในการรอดพ้นจากภัยพิบัติ เราจะต้องรู้จักจังหวะตามวัฏจักรภัยพิบัติอันประกอบด้วย 3 จังหวะ ประกอบด้วย จังหวะก่อนเกิดภัย จังหวะเมื่อเกิดภัย และจังหวะหลังเกิดภัย
โดยมีระบบย่อยในแต่ละจังหวะ ประกอบด้วย
จังหวะก่อนเกิดภัย
1) ระบบการศึกษาเรียนรู้ ความรู้ การจดจำระลึกได้ และตระหนักในเรื่องภัยพิบัติ
ให้ถือเป็นระบบที่สำคัญที่สุดใน 7 ระบบ ที่ทุกระดับและทุกหน่วยในสังคมที่จะต้องพร้อมพอในการหมั่นตรวจสอบความรู้ ตรวจสอบข้อมูล และประเมินความเสี่ยงแล้วระบุชี้ชัดความเสี่ยงนั้นๆ เพื่อนำสู่การศึกษาเรียนรู้ และจดจำตระหนักรู้เพื่อนำสู่การจัดการลดความเสี่ยง พื้นที่โดยเฉพาะองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นจะต้องเรียนรู้และประเมินถึงโอกาสและความเสี่ยงต่อภัยพิบัติของบุคคล ชุมชนอย่างสมำ่เสมอ
2) ระบบป้องกัน ลด และปกป้องความเสี่ยงจากภัยพิบัติ
ต้องพร้อมพอในการมีมาตรการอย่างจริงจัง และต่อเนื่องชัดเจนทุกระดับและทุกหน่วยในพื้นที่
3) ระบบเตือน และความพร้อมเผชิญ แผนการเฝ้าระวัง ฝึกซ้อม ตลอดจนการอพยพ
เป็นระบบที่เมื่อคาดว่าจะเกิดสถานการณ์ที่เป็นอันตราย หรือในพื้นที่หรือในจุดที่มีหายนะมีความเสียหายซ้ำซาก เช่นในจุดที่เกิดอุบัติเหตุทางถนนซ้ำซาก ลำดับความสำคัญเร่งด่วนให้มีความพร้อมพอคือการแจ้งเตือนผู้ขับขี่ให้ตื่นระวังในจุดที่เกิดอุบัติเหตุซ้ำซาก
จังหวะเมื่อเกิดภัย
4) ระบบปฏิบัติการพิเศษในภาวะฉุกเฉินเพื่อตอบโต้ ระงับ สกัดภัย การจัดการพื้นที่ ช่วยชีวิตและเก็บกู้ร่างกลับคืนครอบครัว
เฉพาะเมื่อเกิดภัยพิบัติขนาดใหญ่และรุนแรง คลอบคลุมพื้นที่กว้าง หรือมีผลกระทบที่มีความต่อเนื่องยาวนาน
5) ระบบปฏิบัติทางการแพทย์เพื่อช่วยชีวิต รักษาพยาบาลและฟื้นฟูสภาพจิตใจ
มีความจำเป็นตั้งแต่ภัยพิบัติขนาดเล็กจนถึงขนาดใหญ่
จังหวะหลังเกิดภัย
6) ระบบการช่วยเหลือบรรเทาทุกข์ ที่อยู่อาศัยและสิ่งอุปโภคบริโภค
ต้องมีความพร้อมพอในปัจจัยพื้นฐานในการดำรงชีพหรือการป้องกันโรค ตามกลุ่มวัย อาชีพ เพศ สถานภาพ พื้นที่และประเภทภัย
7) ระบบการฟื้นฟูชีวิต ชุมชน อาชีพ สังคมวัฒนธรรม
ความพร้อมพอที่สำคัญที่สุดคือการปรับชีวิต วิถีชุมชนและวิธีคิดให้มีการจดจำ ตระหนัก ตื่นรู้จากบทเรียนที่ผ่านมาสู่การจัดการภัยพิบัติอย่างครบวงจรต่อไป
———————————-55555555555———————————–