วิทยาการสาธารณภัย By ดร.วัฒกานต์ ลาภสาร

เครื่องมือที่ใช้กำกับการบริหารจัดการสาธารณภัย

การบริหารจัดการสาธารณภัยเป็นกระบวนการที่ซับซ้อนและต้องการการบริหารจัดการที่มีประสิทธิภาพ เพื่อช่วยให้เกิดผลลัพธ์ที่ดีลดความสูญเสียชีวิตและทรัพย์สินทั้งของปัจเจกบุคล นิติบุคล และประโยชน์ของสาธารณชน  ดังนั้น เครื่องมือที่ใช้กำกับการบริหารจัดการสาธารณภัยจึงเป็นสิ่งที่สำคัญมาก โดยเครื่องมือที่ใช้กำกับการบริหารสามารถแบ่งออกเป็นหลายประเภทได้แก่

  1. Gantt Chart: เป็นเครื่องมือที่ช่วยวาดแผนภาพแสดงการดำเนินงานต่าง ๆ ในสถานการณ์ภัยพิบัติ โดยแสดงในรูปแบบตารางที่แสดงเวลาและงานที่ต้องทำ จึงช่วยให้เห็นภาพรวมของงานที่ต้องทำและเวลาที่ใช้ในการทำงาน
  2. Critical Path Method (CPM): เป็นเครื่องมือที่ใช้วิเคราะห์และวางแผนกำหนดเวลาในการดำเนินงาน โดยใช้เทคนิคการวิเคราะห์แบบจุดสังเกต (observation point) เพื่อระบุเส้นทางหลักที่จะต้องเดินทางและส่งผลกระทบต่อการดำเนินงาน
  3. Project Management Information System (PMIS): เป็นเครื่องมือที่ใช้ในการจัดการข้อมูลและเอกสารของเหตุการณ์ภัยพิบัติ โดยมีฟังก์ชันในการสร้างรายงาน ติดตามผลการดำเนินงาน และเชื่อมต่อกับผู้ใช้งานต่าง ๆ เพื่อการสื่อสารและการทำงานร่วมกันอย่างมีประสิทธิภาพ
  4. Risk Management Tools: เป็นเครื่องมือที่ช่วยจัดการการวิเคราะห์ความเสี่ยงประกอบด้วย
    1. Risk Assessment Matrix: เป็นเครื่องมือที่ช่วยวิเคราะห์ความเสี่ยงโดยการจัดลำดับความรุนแรงของความเสี่ยงกับความน่าจะเป็นที่จะเกิดเหตุการณ์เสีย โดยจะแบ่งความเสี่ยงออกเป็นหลายระดับ แล้วจัดลำดับตามความรุนแรงเพื่อช่วยวางแผนกลยุทธ์การจัดการความเสี่ยงที่เหมาะสม
    2. SWOT Analysis: เป็นเครื่องมือที่ใช้วิเคราะห์ปัจจัยภายในและภายนอกที่ส่งผลต่อโครงการ เพื่อเข้าใจความแข็งแกร่งและความอ่อนแอของโครงการ โดยจะแบ่งเป็น 4 ด้านคือ Strengths (จุดแข็ง) , Weaknesses (จุดอ่อน), Opportunities (โอกาส) และ Threats (อุปสรรค) เพื่อช่วยวางแผนกลยุทธ์การจัดการความเสี่ยงในโครงการ
    3. Risk Register: เป็นเครื่องมือที่ใช้จัดเก็บข้อมูลเกี่ยวกับความเสี่ยงที่พบในโครงการ โดยรวมถึงรายละเอียดของความเสี่ยง เช่น ชื่อความเสี่ยง, ระดับความรุนแรง และสถานะของความเสี่ยง ซึ่งจะช่วยให้ทีมโครงการเข้าใจและจัดการความเสี่ยงให้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ
    4. Monte Carlo Simulation: เป็นเครื่องมือที่ใช้ในการทดลองวิเคราะห์ทางสถิติโดยมีรายละเอียดดังนี้
      1. การสร้างโมเดล: การสร้างโมเดลสำหรับ Monte Carlo Simulation จะเริ่มต้นด้วยการกำหนดตัวแปรที่เกี่ยวข้องกับโครงการ เช่น ค่าใช้จ่าย, ระยะเวลา, ราคา, และความเสี่ยงอื่นๆ ที่อาจเกิดขึ้น
      2. การกำหนดการกระจายความน่าจะเป็น: การกำหนดการกระจายความน่าจะเป็นเป็นการกำหนดว่าแต่ละตัวแปรจะมีค่าอยู่ในช่วงไหนบ้าง ซึ่งอาจใช้การวิเคราะห์ข้อมูลเพื่อหาการกระจายของข้อมูล หรือใช้ประสบการณ์หรือความเชี่ยวชาญเพื่อกำหนด
      3. การสร้างจำนวนสุ่ม: การสร้างจำนวนสุ่มใน Monte Carlo Simulation เป็นการสุ่มค่าของแต่ละตัวแปรโดยใช้การกระจายความน่าจะเป็นที่กำหนดไว้ โดยการสุ่มจำนวนมากจะช่วยให้ได้ผลการวิเคราะห์ที่เป็นความน่าจะเป็นจริงๆ มากขึ้น
      4. การวิเคราะห์ผล: การวิเคราะห์ผลจะเป็นการนำจำนวนสุ่มที่ได้มาวิเคราะห์เพื่อหาผลการสุ่มที่เป็นไปได้ โดยจะเห็นผลที่เป็นร้อยละหรือกราฟการกระจายความน่าจะเป็น ซึ่งจะช่วยให้ทีมโครงการเข้าใจและวางแผนกลยุทธ์

Proudly powered by WordPress