นักเรียนหัวก้าวหน้าในปัจจุบัน ได้สร้างปรากฎการณ์ทางสังคมด้านเสรีภาพของผู้เรียนแบบตรงไปตรงมา การขัดขืนเล็กๆ กับรูปแบบของสถานศึกษาอันล้าสมัย เป็นความปรารถนาเพาะเมล็ดพันธุ์เสรีภาพในระบบการศึกษา การลุกขึ้นได้กระจายตัวเป็นเกลียวคลื่นไร้แพลตฟอร์ม แต่ก็เป็นต้นแบบในการสร้างพลเมืองที่มีคุณค่าต่อการเจริญก้าวหน้าอย่างยั่งยืน
งบประมาณการศึกษาปีละแปดแสนล้านสร้างพลเมืองอย่างไร
งบการศึกษาแต่ละปีอยู่ที่ราว 8 แสนล้านบาท แบ่งเป็นเงินจากภาครัฐ 6 แสนล้าน และภาคเอกชนอีก 2 แสนล้าน แต่จากผลการศึกษาวิจัยหลายๆ ประเด็นกลับพบว่าเด็กเยาวชนได้การศึกษาเพื่อที่จะสร้างให้ออกมาเป็นพลเมืองอันตรายหรือด้อยสมรรถนะในการแข่งขันในยุคศตวรรษที่ ๒๑ โดยประเด็นหลักที่สร้างพลเมืองอันตราย คือ
1.กระบวนวิชาไม่นำเข้าการสนทนาเชิงใคร่ครวญไตร่ตรองว่าด้วยความเป็นพลเมืองที่เชื่อมโยงกับการวิเคราะห์ความเป็นธรรมทางสังคมด้านต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นด้านการศึกษาเอง ประสบการณ์ของนักศึกษาเกี่ยวกับสิ่งแวดล้อมทางการศึกษา แสดงออกเป็นคำที่มีนัยยะก้าวร้าวรุนแรง ต้องห้าม
ทว่ากลับเป็นสารตั้งต้นโหมโรงการสนทนาได้สารพัดเรื่อง ตั้งแต่การจัดเก้าอี้นั่งในห้องเรียน การวัดประเมินผลและการสอบสู่อุดมศึกษา คุณภาพครู และโดยเฉพาะโครงการห้องโอลิมปิกและกิจกรรมชิงถ้วยรางวัล ที่เด็กและเยาวชนหลายๆ คนมองว่าโรงเรียนกำลังเบียดบังทรัพยากรอันจำกัดจำเขี่ยจากเด็กส่วนใหญ่ไปอุ้มชูหน้าตาโรงเรียน ครูและเด็กเพียงหยิบมือ
2.“การศึกษาระบบปรสิต” เด็กนักเรียนส่วนใหญ่ไม่เคยเรียนรู้ที่จะตั้งคำถาม และไม่เคยถามตัวเองว่าชอบอะไร ฝันใฝ่ในสิ่งใด เด็กและเยาวชที่จะได้ดิบได้ดีจากระบบการศึกษา คือ นั่งแถวหน้า อยู่ห้องเบอร์ต้น อย่างเช่นห้องโอลิมปิก ต้องท่องจำ ต้องเรียนพิเศษ ต้องแข่งกับเพื่อนและตัวเอง เรียกได้ว่าปรสิตทางสังคมก็ดูดกินสารอาหารทางสังคมไม่เว้นแม้แต่ทางด้านการศึกษา
สายธารพลเมืองอันตราย
เมื่อโรงเรียนปลูกฝังการเรียนรู้แบบท่องจำ ยัดเยียดความรู้ในหลักสูตรแยกย่อยแตกหักไร้ความหมายต่อชีวิตผู้เรียน ยัดเยียดให้เด็กในชนชั้นใต้ปกครองเรียนรู้สิ่งที่ไร้ความหมายต่อชีวิตชนชั้นตัวเอง การกดทับดังกล่าวจะทำให้ไม่สามารถรับรู้ถึงความไม่สมดุลและความไม่เท่าเทียมกัน หรือถึงแม้รับรู้แต่ก็ไม่มีความสามารถทางความคิดขั้นสูงที่จะนำพาตนเองให้สลัดออกจากการครอบงำทางสังคมได้
มิเพียงเท่านั้น เมื่อถูกหล่อหลอมมาให้เป็นพลเมืองอันตรายเป็นการครอบงำชั้นแรก การครอบงำชั้นที่สองคือ รัฐราชการปรสิตได้กำหนดไว้ในรัฐธรรมนูญว่าประชาชนทุกคน เกี่ยวกับสิทธิขั้นพื้นฐานที่ผู้ประสบภัยพิบัติธรรมชาติในการเรียกร้องจากรัฐที่สำคัญ เช่น สิทธิที่จะมีชีวิตอยู่ สิทธิด้านอาหาร สิทธิด้านน้ำ สิทธิการกลับสู่ถิ่นฐานเดิม สิทธิการมีที่อยู่อาศัย สิทธิเครื่องนุ่งห่ม สิทธิด้านสุขภาพ โดยการให้ความช่วยเหลือไม่ได้ยุติเพียงการช่วยเหลือผู้ที่ได้รับผลกระทบเท่านั้น แต่ควรที่จะรวมถึงมาตรการเตรียมความพร้อมเพื่อที่จะให้ความช่วยเหลือ ในอนาคตเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพด้วย แต่ไร้วี่แววของเสรีภาพของประชาชนด้านภัยพิบัติ
เชิดชูและสร้างพลเมืองอันตรายแล้วมีความเกี่ยวข้องเชื่อมโยงกับภัยพิบัติอย่างไรมีปัญหาอะไรขึ้น
พฤติกรรมหลัก ๆ ของพลเมืองอันตรายที่จะสร้างหายนะให้กับตนเองและสิ่งแวดล้อมหรือสร้างภัยพิบัติขึ้น เร่งสร้างการเปลี่ยนแปลงอันจะส่งผลให้เกิดภัยพิบัติ มี 3 ประการ ดังนี้
1.ยินดีไปเข้ากับพวกชนชั้นสูงกว่าตน (ชื่นชมดมตูด)/พวกอื่น (โดยเฉพาะรัฐราชการปรสิต) ขาดความเข้มแข็งในการรวมตัวกับพวกตนเอง มองตาปริบๆ ไม่รู้จะทำยังไงในเมื่อเป็นคนของเขาแล้ว เมื่อเห็นการบิดเบือนการลงทุนของรัฐราชการปรสิต
2.ขาดการเคลื่อนไหวทางสังคม รอเพียงแต่การเคลื่อนตัวเองไปรับการสงเคราะห์จากรัฐราชการปรสิต
3.ขาดศักยภาพในมองเห็นความยั่งยืนของสิ่งแวดล้อม การรับรู้ไม่ครบถ้วนรอบด้าน ขาดวิจารณญาณที่ดี การตัดสินใจโดยตรรกะที่ไม่มีประสิทธิภาพ มองไม่เห็นนโยบายที่ดีไม่ดีต่อภัยพิบัติเป็นอย่างไร
————xxxxxxxx—————
.
. 3