รถเท่ากับเป็นอาวุธ” เมื่อใช้มันโจมตีใครสักคน…นั่นคือ “พยายามฆ่า” ไม่ใช่ “แค่พลาด”
เมื่อคุณหักพวงมาลัย-เบียดรถคันอื่น —-ตั้งใจเบรกตัดหน้า –ขับจี้ชนท้าย หรือใช้รถขวางทางหนี…คุณกำลังใช้อาวุธ
ถ้าคุณใช้รถไล่ตาม ขับเบียด ขับกระแทกรถคันอื่นในความเร็วสูง นั่นเป็นการจงใจให้เกิดอันตราย หรือเป็นการแสดงเจตนาชัดเจน
มีพยาน มีกล้องวีดีโอจับภาพพฤติกรรมต่อเนื่อง ซึ่งจะพอฟ้องข้อหาเจตนาฆ่าได้ชัดเจน
แต่ในความเป็นจริงในสังคมไทย…จะไม่ถึง “เจตนาฆ่า”? เพราะ
ตำรวจมักกลัวข้อหาหนัก” เพราะจะโดนสั่งสอบกลับ
อัยการมักสั่งฟ้องเบา” เพื่อตามกระแส ตามทิศทางลม ทั้งเงินทั้งอิทธิพล
ศาลมักตีความระมัดระวัง” เพื่อไม่ให้กลายเป็นบรรทัดฐานที่สร้างแรงสะเทือน
ผลคือ คนที่ตั้งใจใช้รถฆ่า —กลับติดแค่คุก 1 ปี หรือได้รอลงอาญา…ถ้าเขามีเงิน มีชื่อเสียง หรือมีพ่อใหญ่คับเมือง
ความรุนแรงบนถนนกลายเป็นเพียง “กีฬาแห่งอีโก้” ของกลุ่มพวกมีอิทธิพล