จากสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัส COVID 19 จากเมืองวู่ฮั่น ประเทศจีนออกสู่ประเทศต่างๆ ทั่วโลก ทำให้เกิดความกระจ่างต่อจุดเปลี่ยนทางสังคมที่เกิดขึ้นในประเทศไทยว่าจุดเปลี่ยนทางสังคมในประเทศไทยได้ถูกวัฒนธรรมราชการและแนวร่วมระหว่างคณะทหารกับชนชั้นนำที่ประกอบด้วย ทหาร ข้าราชการพลเรือน นักเทคนิคระดับสูง (technocrats) ตลอดจนนักธุรกิจชั้นนำ ซุกไว้ใต้พรม
เนื่องด้วย ชาวบ้านร้านตลาดโดยทั่วไป ก็ยินยอมพร้อมใจและปฏิบัติตัวอย่างแข็งขันในการป้องกันการแพร่ระบาด แต่มาตรการของภาครัฐที่ดำเนินภายใต้สถานการณ์วิกฤติเป็นไปเพื่อเป้าหมายการรักษาเสถียรภาพทางการเมือง มุ่งสร้างความชอบธรรมทางการเมืองท่ามกลางความล้มเหลวทางสังคมและเศรษฐกิจ
ไม่แยแสต่อการตื่นรู้ของประชาชนคนไทยทั้งหลายทั้งมวล ที่จะมีศักยภาพในการป้องกันภายใต้วิฤติการระบาด ไม่ใช่ให้นอนอยู่บ้านเฉยๆ ไม่ยอมรับการมีส่วนร่วมว่าประชาชนสามารถมีส่วนร่วมในการสร้างความเปลี่ยนแปลงได้เมื่อเผชิญกับปัญหาวิกฤติ
แต่ถึงอย่างไร คนไทยถึงแม้จะตื่นรู้ แต่ก็ยังไม่เลยจุดที่ให้ความสนใจต่อความไม่เท่าเทียม ความไร้ประสิทธิภาพ ความอยุติธรรมทางสังคม ยังทนได้ภายใต้ระบบการเมืองและระบบเศรษฐกิจที่สามารถประเมินและกำหนดค่าของมนุษย์ไว้อย่างเป็นระบบ
มาตรการทางการแพทย์ สาธารณสุข สร้างความสูญเสียทางเศรษฐกิจและสังคม มีความเป็นไปได้ในประเทศที่กล่าวขานกันว่ามีระบบสาธารณสุขที่ดี แสดงว่าไม่ได้มาจากองค์กรแห่งการเรียนรู้ มาจากงานประจำหรา คิดว่าน่ามาจากนโยบายที่ดีจะถูกต้องที่สุด
ไม่ติดเชื้อใหม่ในประเทศ 27-28 วัน ยังมานั่งดูตัวเลขเป็นแสนของต่างประเทศมาโฆษณาสร้างความชอบธรรมว่าตนเองเหมาะสมที่จะกินเงินเดือนกินภาษีของประชาชน ฉันจะไทยรักษาชาติ โชว์โง่ไปวันๆ เปิดผับได้ แต่มีกฏ 22 ข้อ แบบเอาหน้าสุดๆๆ https://www.matichon.co.th/news-monitor/news_2239082 ภาระแบบไม่เห็นผลอะไร ช่างแ…ง
1.ควบคุมจำนวนผู้เข้าใช้บริการให้เหมาะสมต่อพื้นที่มิให้แออัด และมีการเว้นระยะห่างทางสังคม
2.ต้องมีการตรวจคัดกรองอุณหภูมิพนักงานและผู้ใช้บริการทุกคน
3.จัดให้มีบริการเจลแอลกอฮอล์ล้างมือบริเวณทางเข้า และตามจุดต่างๆตามความเหมาะสม
4.งดการเข้าใช้บริการเป็นกลุ่มเกิน 5 คนขึ้นไป
5.จัดระบบเข้าคิวบริเวณทางเข้าให้มีการเว้นระยะห่างระหว่างบุคคลโดยมีผู้ควบคุมม
6.จัดให้มีระยะห่างระหว่างโต๊ะ แต่ละโต๊ะไม่น้อยกว่า 2 เมตร หรือทำฉากกั้นระหว่างโต๊ะ
7.กำหนดจุดวางเก้าอี้สำหรับแต่ละโต๊ะ ให้มีการเว้นระยะห่างระหว่างที่นั่งอย่างน้อย 1 เมตร โดยควบคุมไม่ให้มีการเคลื่อนย้ายเก้าอี้
8.จัดให้มีการระบายอากาศที่ดี
9.อนุญาตให้นั่งรับประทานอาหารและเครื่องดื่มเท่านั้น งดการส่งเสียงร้องเพลงและเต้นรำ
10.ใช้เมนูกระดาษแบบครั้งเดียวทิ้ง (disposable menu ) แผนการใช้เมนูเล่ม
11.การสั่งเครื่องดื่มให้สั่งเป็นรายแก้ว โดยให้พนักงานเป็นผู้เสิร์ฟ แทนการสั่งเป็นเหยือกหรือเป็นขวด เพื่อเลี่ยงการสัมผัสขวด ถังน้ำแข็ง และแก้วของผู้อื่น รวมถึงป้องกันการสลับแก้วกัน
12.พนักงานต้องใส่หน้ากากอนามัยและ face shield ตลอดเวลา
13.จัดให้มีฉากกั้นระหว่างเวทีหรือพื้นที่การแสดง กับพื้นที่ในส่วนของผู้ใช้บริการ หรือจัดระยะห่างอย่างน้อย 2 เมตร
14.พูดแสดงบนเวทีต้องสวม face shield ตลอดเวลา
15.จัดให้มีผู้ควบคุมไม่ให้เกิดการชุมนุม รวมกลุ่ม ตะโกน หรือใช้เสียงดัง และไม่ให้มีการเดินไปเดินมา
16.จัดให้มีอุปกรณ์เครื่องใช้สำหรับการรับประทานอาหารและเครื่องดื่มสำหรับแต่ละบุคคล โดยมีช้อนกลางและที่วางช้อนกลางส่วนตัวสำหรับผู้ใช้บริการแบบหมู่คณะ
17.ต้องทำความสะอาดสุขาทุก 30-60 นาที
18.ทำความสะอาดพื้นที่บริการ โต๊ะ เก้าอี้ ราวจับ ลูกบิดประตู เคาน์เตอร์ จุดสัมผัสและอุปกรณ์อื่นๆ ด้วยผงซักฟอกหรือน้ำยาทำความสะอาดฆ่าเชื้อ พร้อมกับจัดให้มีการระบายอากาศในพื้นที่ให้มีความเหมาะสม อย่างน้อยวันละ 1 ครั้ง
19.ห้ามจัดกิจกรรมที่มีการเล่น การแข่งขัน หรือทำให้เกิดการรวมกลุ่มการเชียร์กัน
20.งดการใช้เครื่องเล่นหรืออุปกรณ์การเล่นเกมต่างๆ เช่น โต๊ะพูล เป้าลูกดอก ตู้เกม เป็นต้น
21.จัดพื้นที่สำหรับการสูบบุหรี่โดยเฉพาะและให้มีการเว้นระยะห่างทางสังคมอย่างเหมาะสม
22.งดให้พนักงานบริการหรือตัวแทนประชาสัมพันธ์เครื่องดื่มนั่งรวมกับผู้ใช้บริการ
——————//////////———————–