ด้วยลัทธิจักรวรรดิจะไม่เปลี่ยนแปลงโครงสร้างพื้นฐาน เปลี่ยนแปลงพื้นที่/อาณาเขตที่ตนปกครองหรือเปลี่ยนแปลงอัตลักษณ์ของผู้คนที่ปกครองอยู่ เพียงแต่วางรูปแบบของการจัดการทางการเมืองแบบหลอกใช้ที่ชั่วร้าย (ภายใต้วาทกรรมการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย) คนที่อยู่ภายใต้การปกครองน้อยมากที่จะสามารถปลดปล่อยตัวเองได้จากนายเหนือหัวแห่งจักรวรรดิ (การบงการชี้นิ้วของภาครัฐ)ส่วนใหญ่แล้วจะยังคงต้องตกเป็นข้าทาสอยู่นานนับร้อยๆ ปีกว่าจะมีความเชื่อว่ามนุษยชาติทั้งมวลมีความชอบธรรมในเรื่องการเป็นเจ้าของอำนาจทางการเมืองอำนาจในการชี้นิ้งจัดการตนเองโดยมีภาครัฐเป็นผู้รับใช้ ส่วนใหญ่ยังติดกับดักการเอาเงินภาษีมาให้ทานเข้าแถวเข้าคิวรับแจกจากเจ้าหน้าที่ภาครัฐ ภายใต้วาทกรรมการบรรเทาสาธารณภัย
และจิตใต้สำนึกที่ชั่วร้ายของลัทธิจักรวรรดิ คือ การแบ่ง “พวกเรา”กับ “พวกเขา” พวกเราก็คือผู้ที่ใช้ภาษา ถือศาสนา และปฏิบัติตามธรรมเนียมเดียวกัน พวกเราต่างมีความรับผิดชอบต่อกัน แต่ไม่ต้องรับผิดชอบต่อพวกเขา พวกเราไม่ต้องการเห็นพวกเขาเสมอและไม่ได้เป็นหนี้ติดค้างสิ่งใดต่อพวกเขา พวกเราไม่ต้องการเห็นพวกเขาในดินแดนของพวกเรา และพวกเราไม่สนใจไยดีอะไรแม้แต่น้อยกับสิ่งที่เกิดขึ้นในดินแดนของพวกเรา พวกเขาไม่นับเป็นมนุษย์เสียด้วยซ้ำไป
เปรียบเทียบกับสาธารณภัย ในประเทศไทยเห็นลักษณะสาธารณภัยจักรวรรดิ ใน 2 ระดับ คือ
1.ระดับสังคมวัฒนธรรม
1.1 เจ้าลัทธิจักรวรรดิจะดำเนินนโยบายที่ไม่เปลี่ยนแปลงโครงสร้างพื้นฐานพื้นที่/อาณาเขตที่ตนปกครองหรืออัตลักษณ์ของผู้คนที่ปกครองอยู่ (ข้าจะคอยเตรียมสิ่งของ เตรียมคนเตรียมเงินทองไว้คอยช่วยแบบแจกทานละกันนะจ๊ะ ไอ้ไปเปลี่ยนปงเปลี่ยนแปลงเจ้านายไม่รู้เรื่องดอกไอ้หำน้อยเอ๊ย) เพียงแต่วางรูปแบบของการจัดการทางการเมืองแบบหลอกใช้ที่ชั่วร้าย มุ่งจัดวางระบบการปฏิบัติการของจักรวรรดิ (จัดงบประมาณจัดโครงการเข้าไปแสดงให้รับรู้รับทราบแทบทุกจังหวัด จังหวัดละ 5 พื้นที่ ถึงขณะนี้พื้นที่ประเทศไทยร้อยละ 40 ก็รับรู้รับทราบระบบปฏิบัติการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยกันถ้วนหน้า)มุ่งสร้างวัฒนธรรมร่วมภายใต้วัฒนธรรมผู้เชี่ยวชาญและทำให้มันเป็นเรื่องที่ชอบด้วยกฎหมาย
1.2 มีจิตใต้สำนึกที่ชั่วร้ายของจักรวรรดิ โดยมีลักษณะการแบ่งเป็น 2 พวก พวกข้าราชการ ซึ่งมีวัฒนธรรมผู้เชี่ยวชาญหรือวัฒนธรรมหลวง กับพวกราษฎรซึ่งมีวัฒนธรรมราษฎร, วัฒนธรรมชาวบ้าน และภายใต้จิตสำนึกที่ชั่วร้ายของจักรวรรดิจะดำเนินรูปแบบการจัดการสาธาณณภัยแบบหลอกใช้ที่ชั่วร้ายภายใต้วัฒนธรรมผู้เชี่ยวชาญที่จะยึดอรรถประโยชน์ของเจ้าลัทธิจักรวรรดิเป็นสำคัญ (พวกเอ็งเดี๋ยวจัดแถวเข้ามารับแจกนะจ๊ะ)
2.ระดับนิเวศวิทยาเชิงจักรววรดิ
2.1 มวลมนุษย์เป็นเจ้าลัทธิ มีความเชื่อว่ามนุษย์เป็นเจ้าของ ผู้ควบคุม จัดการ และใช้ประโยชน์จากธรรมชาติได้อย่างเต็มที่เพื่อประโยชน์สุขของบุคคลและสังคม ซึ่งจากการที่ธรรมชาติเป็นฝ่ายพ่ายแพ้ต่อมวลมนุษย์ทำให้นิเวศรอบตัวมนุษย์เกิดการปรับสมดุลใหม่ที่สร้างผลกระทบต่อมวลมนุษย์ สร้างความสูญเสียทั้งชีวิตและทรัพย์สินของมวลมนุษย์จำนวนหนึ่ง
2.2 ก่อแรงบันดาลใจอย่างสูงในการใช้วิทยาการทั้งหลายเพื่อสร้างโลกในอุดมคติ ขยับเพดานการใช้ทรัพยากรอย่างเต็มเหนี่ยว ซึ่งจะก่อให้เกิดการเร่งเร้าให้ปรับสมดุลใหม่รุนแรงมหาศาลภายในโลกถิ่นที่อยู่ดั้งเดิม ขับเบียดยัดเยีดให้ผู้คนจำนวนหนึ่งจะได้รับสูญเสียจากสาธารณภัย
จากที่กล่าวข้างต้นและจากประวัติศาสตร์การจัดการสาธารณภัยในประเทศไทยที่ผ่านมา จะเห็นได้ว่าหน่วยงานที่จัดการสาธารณภัยในประเทศไทยตอบสนองหรือตอบโจทย์ของเจ้าลัทธิจักรวรรดิตลอดมา อีกทั้งประชาชนก็ยังไม่เห็นแสงสว่างที่จะทวงคืนอำนาจทางการเมือง
เรียกว่า นอกจากจะเจอความโหดร้ายจากธรรมชาติแล้ว ยังต้องเจอการไร้ความปราณีจากภาครัฐปรสิต
————–xxxx————-