เหลือบมองสนามปฏิบัติการด้านภัยพิบัติของไทย แค่เหลือบมอง ยังไม่ได้ค้นลึกก็พอจะโม้เป็นคุ้งเป็นแค ได้ว่า เหนื่อยใจ กับเหนื่อยใจ ไม่มีตื้นตันใจเอาเสียเลย ดังนี้
1.นโยบายการลดก๊าซเรือนกระจกของรัฐ เห็นร่องรอยอยู่ 2 ประเด็น คือ
1.1 โยนปฏิบัติการเข้าสู่งานรูทีนของส่วนราชการ บังคับให้มีพฤติกรรมที่บ่งชี้ได้
1.2 เอกชนยังไม่ขยับศักยภาพ ทำให้ไม่มีการกดดันเครือข่ายนักการเมืองให้ออกนโยบายเร่งการลดก๊าซเรือนกระจก เห็นกลุ่มเดียวที่มีพลังสุดๆๆ จนรวยแสนล้านภายในไม่กี่ปี คือกลุ่มพวกที่เราจ่ายเงินค่าไฟให้ทุกเดือนแม้จะไม่มีการใช้ (ขายลมขายแดดกันจนบานฉ่ำ) พวกที่จิ้มเอาจิ้มเอาก็พวกค้าขายอุปโภคบริโภค และเข้ามางาบงบประมาณสร้างโครงสร้างพื้นฐานใหญ่ๆๆ
2.สื่อสารภัยพิบัติกันรวดเร็ว แต่ผลการสื่อสารแทนที่จะเข้าใจความหนักหนาสาหัสและความเร่งด่วนของปัญหา แต่หาได้เป็นเช่นนั้นไม่ ส่วนใหญ่ดราม่าแล้วเงียบหายไปกลับสายลม เจอกันอีกทีในคำของบประมาณแดกด่วน หรือการอธิบายความสำคัญขององค์กรงาบ
3.การศึกษาถูกจูงจมูก หานักวิชาการนอกคอกยากยิ่ง พอมีบ้างแต่ในทางการเมือง ผลการประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อมส่วนใหญ่ก็เป็นไปตามความประสงค์ของคนจ้าง