วิทยาการสาธารณภัย By ดร.วัฒกานต์ ลาภสาร

แผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ฉบับที่ 13 กับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ

Climate change หมายถึงการเปลี่ยนแปลงของสภาพอากาศที่เกิดขึ้นในระยะยาว ๆ โดยมีผลต่อสิ่งมีชีวิตทั้งในทางที่ดีและเสีย ซึ่งจะเกิดการเปลี่ยนแปลงที่ชัดเจนมากขึ้นในสิ่งแวดล้อม และทำให้เกิดอุบัติเหตุทางธรรมชาติได้ง่ายขึ้น เช่น น้ำท่วม ดินถล่ม และไฟป่า เป็นต้น และอาจส่งผลต่อคุณภาพอากาศ ทำให้มลภาวะและฝุ่นละอองเพิ่มขึ้น ซึ่งอาจเป็นอันตรายต่อสุขภาพของมนุษย์ได้ นอกจากนี้ การเปลี่ยนแปลงของสภาพอากาศที่เกิดจาก Climate change ยังส่งผลต่อสิ่งมีชีวิตอื่น ๆ ด้วย เช่น พืชและสัตว์ที่อาศัยอยู่ในสิ่งแวดล้อมนั้น ซึ่งอาจทำให้เกิดความเสียหายต่อสิ่งมีชีวิตเหล่านี้ได้

การเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศโลก (Climate change) เป็นปัญหาที่สำคัญและมีผลกระทบกับเศรษฐกิจและสังคมโดยตรง ซึ่งจะส่งผลต่อการพัฒนาที่ยั่งยืนของประเทศได้โดยตรง จึงจำเป็นต้องพิจารณาดูและวางแผนการจัดการเศรษฐกิจและสังคมให้เข้ากับสภาพภูมิอากาศปัจจุบันและอนาคตที่อาจเกิดขึ้นได้ในอนาคต

ในแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติฉบับที่ 13 ได้ระบุเป้าหมายในการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก (Greenhouse gas) ลงโดยให้มุ่งเน้นที่การพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมให้เป็นไปอย่างยั่งยืนและเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม โดยให้ความสำคัญกับการเพิ่มประสิทธิภาพการใช้พลังงาน การลดการใช้พลังงานจากแหล่งพลังงานที่เป็นแหล่งพลังงานหมุนเวียน การเพิ่มความมั่นคงในการเผชิญกับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ และการลดความเสี่ยงทางด้านสิ่งแวดล้อมและสังคม

นอกจากนี้ แผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติฉบับที่ 13 ยังมุ่งเน้นให้มีการส่งเสริมการผลิตและใช้พลังงานที่สะอาดและมีประสิทธิภาพ  https://sdgs.nesdc.go.th/%E0  โดยกำหนดหมุดหมายการพัฒนา เป็นหมุดหมายที่ 11 สามารถลดความเสี่ยงและผลกระทบจากภัยธรรมชาติและการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ สร้างขีดความสามารถในการรับมือและปรับตัวต่อเพื่อลดความสูญเสียและเสียหายจากภัยธรรมชาติและการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ สนับสนุนการลงทุนที่เป็นมิตรต่อสภาพภูมิอากาศ สร้างความร่วมมือในการจัดการภัยพิบัติ เช่น การจัดอบรมการจัดการความเสี่ยงจากภัยธรรมชาติ การจัดการใช้ประโยชน์ที่ดินอย่างเป็นระบบ กำหนดการใช้พื้นที่ลุ่มต่ำเป็นพื้นที่รองรับน้ำ การพัฒนาแนวคิดสถาปัตยกรรมให้สอดรับกับภูมิอากาศ

นิเวศวิทยาสาธารณภัยยังสามารถช่วยส่งเสริมการลดการใช้พลังงานที่มีผลต่อสิ่งแวดล้อมและสุขภาพ เช่น การส่งเสริมการใช้พลังงานทดแทนที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม เช่นพลังงานแสงอาทิตย์ การปรับปรุงระบบการจัดการขยะเพื่อลดปริมาณการสร้างก๊าซเ

การลดสภาวะ climate change ตามหลักนิเวศวิทยาสาธารณภัย มีหลายวิธีการ ซึ่งสามารถแบ่งออกเป็น 3 กลุ่มหลัก ดังนี้

  1. การลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก: การลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกเป็นหนึ่งในวิธีการสำคัญในการลดสภาวะ climate change โดยการลดการใช้พลังงานที่ใช้กับการผลิตไฟฟ้าจากแหล่งพลังงานหมุนเวียน เช่น แสงอาทิตย์ ลม น้ำ และไฟฟ้านิวเคลียร์ เป็นต้น รวมถึงการลดการใช้พลังงานที่ไม่จำเป็น เช่น การปิดเครื่องใช้ไฟฟ้าเมื่อไม่ได้ใช้งาน การลดการขับรถส่วนตัวและการใช้รถยนต์ที่ออกมาตรฐานน้อยกว่า
  2. การเพิ่มความอย่างยิ่งในการปลูกป่าและเพาะป่า: การเพิ่มความอย่างยิ่งในการปลูกป่าและเพาะป่าเป็นวิธีการสำคัญในการลดสภาวะ climate change โดยสร้างการดูแลและป้องกันป่าในพื้นที่ที่มีป่าอยู่ สร้างพื้นที่ในการเพาะป่าและปลูกต้นไม้ในพื้นที่ที่เหมาะสม รวมถึงการสร้างการใช้ป่าแบบที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม และการใช้ป่าให้เป็นที่อยู่อาศัยของสัตว์ป่า
  3. การลดการใช้พลังงานที่สูง: การลดการใช้พลังงานที่สูงโดยการลดการใช้พลังงานในการผลิตสิ่งของที่ไม่จำเป็นในชีวิตประจำวัน เป็นสิ่งของฟุ่มเฟือยเกินความจำเป็น

Proudly powered by WordPress