วิทยาการสาธารณภัย By ดร.วัฒกานต์ ลาภสาร

มโนทัศน์การป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยของรัฐราชการไทย

มโนทัศน์การป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยของรัฐราชการไทยเน้นการเตรียมความพร้อมในการจัดการสถานการณ์ภัยพิบัติให้มีประสิทธิภาพและเหมาะสม โดยให้ความสำคัญกับการพัฒนาระบบการจัดการสถานการณ์ภัยพิบัติเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการรับมือกับภัยพิบัติที่เป็นไปได้ในทุกช่วงเวลา รวมถึงการใช้เทคโนโลยีสารสนเทศเพื่อเพิ่มความเป็นมาตรฐานและการตอบสนองที่รวดเร็วต่อสถานการณ์ภัยพิบัติ

นอกจากนี้ มโนทัศน์การป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยของรัฐราชการไทยยังเน้นการสร้างความตระหนักให้กับประชาชนในการเตรียมความพร้อมเพื่อรับมือกับภัยพิบัติ โดยการส่งเสริมการฝึกอบรมและการแลกเปลี่ยนเทคโนโลยีการจัดการสถานการณ์ภัยพิบัติกับประชาชนทั้งในสถานที่ที่มีความเสี่ยงสูงและในชุมชน ซึ่งจะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการตอบสนองและช่วยให้ผู้ประสบภัยพิบัติมีการรับมือและเตรียมตัวได้อย่างเหมาะสมและมีประสิทธิภาพในการรับมือกับสถานการณ์ภัยพิบัติในอนาคต

แต่ข้อเท็จจริงในหลายๆ ครั้งเมื่อมีสถานการณ์ภัยพิบัติ รัฐราชการของไทยใช้ความรู้ ความเชี่ยวชาญแบบนักวิชาการเฉพาะด้าน ความรู้ทางเศรษฐกิจ และระบบการปกครองที่นำสู่ระบบอำนาจสั่งการแบบรวมศูนย์ที่เน้นการควบคุมประชาชนให้อยู่ในกฎระเบียบแบบเดียวกันโดยมองข้ามเงื่อนไขที่แตกต่างกันของพื้นที่และบริบทของชุมชน ทำให้การแก้ปัญหาต่างๆ ไม่ตอบสนองความต้องการของประชาชน ประกอบกับการละเลยความรู้ทางสังคม ส่งผลให้การดำเนินงานของรัฐผลิตซ้ำความรุนแรงเชิงโครงสร้างที่ทำให้ผู้ด้อยโอกาสเสียประโยชน์จากมาตรการต่างๆ

จากการศึกษามโนทัศน์ของรัฐราชการเปรียบเทียบระหว่างรัฐราชการส่วนภูมิภาคกับรัฐราชการส่วนท้องถิ่นในพื้นที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ระหว่างเดือนสิงหาคม-ธันวาคม 2565 พบว่า

มโนทัศน์การป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย

ค่าเฉลี่ย

ราชการส่วนภูมิภาค

ราชการส่วนท้องถิ่น

1 เน้นการแก้ปัญหาเฉพาะเวลาใดเวลาหนึ่งที่เกิดวิกฤตการณ์เท่านั้น

4.5

4.7

2 ให้ความสำคัญกับผลกระทบที่เกิดขึ้นกับมนุษย์

3.3

4.2

3 สร้างค่านิยมและบรรทัดฐานทางสังคมให้มีความตระหนักต่อภัยพิบัติ

4.8

2.9

4 การเตรียมพร้อมในระยะยาวที่ต่อเนื่อง

2.0

1.8

 

จากตารางข้างต้น

1.ราชการส่วนภูมิภาค

ภายใต้มโนทัศน์ที่เข้มแข็งในด้านการมุ่งเน้นการแก้ปัญหาเฉพาะเวลาใดเวลาหนึ่งที่เกิดวิกฤตการณ์เท่านั้น  และการสร้างค่านิยมและบรรทัดฐานทางสังคมให้มีความตระหนักต่อภัยพิบัติ  ซึ่งการดำเนินการดังกล่าวต้องอาศัยประชาชนเข้ามาเป็นองค์ประกอบในการดำเนินงาน  ทำให้ประชาชนมีความสนใจต่อการดำเนินงานของรัฐราชการ ประชาชนผู้ประสบภัยพิบัติต่างก็เฝ้ามองดูวิธีการทำงานของรัฐราชการ ซึ่งอาจจะพบการปกปิดข้อมูล การเปลี่ยนแปลงแนวนโยบายสับไปสับมาอย่างไม่รู้งาน บริหารแบบไม่เป็นมืออาชีพ หรือมีนโยบายที่แอบแฝงผลประโยชน์   การให้ข้อมูลที่ขัดกันของเจ้าหน้าที่และนักวิชาการ  การเลือกปฏิบัติและให้สิทธิพิเศษกับกลุ่มคนบางกลุ่มคนบางพื้นที่

2.ราชการส่วนท้องถิ่น

มโนทัศน์ของรัฐราชการส่วนท้องถิ่น ต้องการความพึงพอใจของประชาชนในพื้นที่จึงมุ่งเน้นการแก้ปัญหาเฉพาะเวลาใดเวลาหนึ่งที่เกิดวิกฤตการณ์ และให้ความสำคัญกับผลกระทบที่เกิดขึ้นกับมนุษย์  เป็นการช่วยเหลือที่ตรงเป้าหมายที่ต้องการความช่วยเหลือ  องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นไม่มีปัญหาการคัดกรองคนที่ไม่ตรงกับเป้าหมายที่วางไว้

Proudly powered by WordPress