ภายใต้กะลาสาธารณภัย ได้มีการจัดการสาธารณภัยในด้านการเตรียมการล่วงหน้า สมราคากับ “รัฐราชการปรสิต” (การสูบการขูดรีดทั้งเงินเดือนค่าตอบแทนและแป๊ะเจี๊ยะจากแผนงงานโครงการ รวมทั้งการปฏิบัติงา่นประจำวัน โดยอาศัยระบอบปกครองและการเมืองซึ่งอำนาจบริหาร และอำนาจกำหนดนโยบายอยู่ในมือของข้าราชการเองทั้งหมด)
มุมมอง/ทิศทางการจัดการสาธารณภัยของรัฐราชการปรสิตภายใต้กะลาสาธารณภัย
มุมมอง/ทิศทางภายใต้กะลาสาธารณภัย |
มุมมอง/ทิศทางภายใต้หลักวิชาการ |
เข้าใจว่าประชาชนได้รับผลกระทบจากการขาดความรู้ความเข้าใจในการสื่อสารของรัฐ ไม่เข้าใจไม่รับรู้ศักยภาพอันยิ่งใหญ่ของหน่วยงานรัฐ | เข้าใจผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นจากเหตุการณ์ |
แต่ละเหตุการณ์ถือเป็นข้อบ่งชี้ว่าองค์กร/หน่วยงานไม่มีคนไม่มีเครื่องมืออุปกรณ์ | รู้จักความเพียงพอต่อเหตุการณ์ ประมาณการและปรับใช้ทรัพยากรที่จำกัด |
มีความไวต่อปฏิทินการเกิดภัยและเตรียมการวัสดุเครื่องมืออุปกรณ์ไปสร้างความพึงพอใจสร้างการโฆษณาชวนเชื่อให้คงความชอบธรรมขององค์กร | มีความไวมีความรวดเร็วต่อการตรวจสอบสภาพที่เปลี่ยนแปลง |
ตีโปร่งข้อมูลความเสียหาย ความเดือดร้อนในแต่ละเหตุการณ์ | สื่อสารข้อมูลการปฏิบัติตน/องค์กร/หน่วยงานเพื่อปลอดภัยพิบัติอย่างถูกที่ถูกเวลาต่อความปลอดภัย |
กำลังพลองค์กรภายใต้กะลาสาธารณภัย
ในปีที่ผ่านมา (2564) รัฐราชการของไทยมีกำลังพลทางทหารมากเป็นอันดับ 9 ของทวีปเอเซีย และในปี 2563 ก.พ.ออกรายงานให้เห็นว่า ไทยมีข้าราชการพลเรือน ทั้งหมดประมาณ 2.3 ล้านคน มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นเฉลี่ยร้อยละ 1.04 ต่อปี ทำให้มีค่าใช้จ่าย มากถึงร้อยละ 35 ของงบประมาณทั้งหมด ในขณะที่กำลังเจ้าหน้าที่รัฐที่สังกัด ก.ถ. ในท้องถิ่น 7,855 แห่ง 73,108 คน ครู 27,100 คน ลูกจ้างพนักงานจ้าง 62,108 คน รวม 162,216 คน จากข้อมูลจะเห็นถึงความยิ่งใหญ่ของ “รัฐราชการ” ที่มีกำลังพลมากมาย
ที่กล่าวยกข้อมูลจำนวนเจ้าหน้า่ที่รัฐขึ้นมานั้น ก็เพื่อที่จะกล่าวถึง ความผิดปกติอันหนึ่งของหน่วยงานด้านสาธารณภัย ที่มีการบรรจุพนักงานราชการเข้ามารับ-ส่งต่อข้อมูลจากเจ้าหน้าที่ระดับท้องถิ่น จังหวัดหนึ่งมากถึง 3-4 คน ๆละ 2-3 หมื่นบาทต่อเดือน แต่ผลการปฏิบัติงาน มักจะต้องสอบตกตัวเลข มั่่วตกแต่งข้อมูลขึ้นใหม่ เสนอให้ผู้บังคับบัญชาชั้นต้นใช้วาทกรรมบรรยายให้เกิดความสลดหดหู่กับผลกระทบที่เกิดจากเหตุการณ์ เลี่ยงบาลีเพื่อสร้างความเท่าเทียมที่ไม่เป็นธรรม
——————–xxxxxxxxxxxxx————————