การปฏิรูปความปลอดภัย จะเป็นไปได้ก็ต่อเมื่อระบบการเมืองการปกครองเป็นระบบที่มีดุลยภาพที่เหมาะสมลงตัวระหว่างสิทธิเสรีภาพของปัจเจกบุคคลแต่ละคนกับการถูกจำกัดสิทธิเสรีภาพโดยอำนาจรัฐ
1.การปฏิรูปความปลอดภัยโดยหลุดพ้นจากการถูกจำกัดสิทธิเสรีภาพโดยอำนาจรัฐ
ที่ผ่านมาเรามีระบบการเมืองการปกครองที่ไม่มีดุลยภาพ ทำให้รัฎฐาธิปัตย์ (ผู้เป็นใหญ่ในแผ่นดิน/อ่อนแอ การทำให้เงียบ, การพูดแทน, การเบียดขับกีดกันออกไปซึ่งประชาชนชายขอบ ขาดอิสรภาพตกอยู่ภายใต้การครอบงำ
ทำให้ที่ผ่านมาประเทศไทยตกอยู่ภายใต้อำนาจของคณะบุคคลกลุ่มใดกลุ่มหนึ่งที่อาศัยจุดอ่อนของมนุษย์ที่มีกิเลสตัณหา ทำให้เพียงแค่แจกจ่ายผลประโยชน์เพียงเล็กน้อยให้ประชาชน ก็สามารถเข้ามามีอิทธิพลเหนือรัฏฐาธิปัตย์ เพื่ออาศัยกลไกรัฏฐาธิปัตย์ นำมาซึ่งเงินตรา ผลประโยชน์แก่ตนแก่พวกพ้อง(มากกว่าที่ตนเองแจกจ่าย) โดยใช้วาทกรรมการพัฒนาชีวิตความเป็นอยู่ให้ดีขึ้นเจริญขึ้น โดยไม่ยึดถือแนบแอบอิงเกี่ยวพันอยู่กับธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ทำให้เราแสดงความรุนแรงต่อธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมมาเนิ่นนาน
2.การปฏิรูปความปลอดภัยโดยการมีสิทธิเสรีภาพของปัจเจกบุคคล
สิทธิเสรีภาพที่ว่าคือ เราสามารถตัดสินความจริงความถูกต้องดีงามและก่อให้เกิดประโยชน์แก่ตนเองและสังคมอย่างแท้จริงได้ โดยไม่ใช่ตัดสินได้เฉพาะความต้องการของตนเองและพวกพ้องเพียงอย่างเดียว โดยยึดถือแนบแอบอิงเกี่ยวพันอยู่กับธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมอย่างใกล้ชิด
สิทธิเสรีภาพดังกล่าว จะช่วยทำให้เราจะไม่เผชิญกับลักษณะของความรุนแรงของธรรมชาติอย่างที่เผชิญอยู่ในขณะนี้ เราอาจจะยุติความรุนแรงต่อธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมลงได้ในระดับหนึ่ง แม้จะไม่ใช่ช่วงทศวรรษนี้
แม้สถานการณ์ในขณะนี้ ที่คนที่รับจ้างเรา (เหล่าข้าราชการทั้งมวล) เขาจะมีมโนทัศน์ในการปฏิรูปความปลอดภัย เพียงแค่จัดกำลังคนมากำกับควบคุมกลไก ความเป็นไปของมวลชนให้ซ้ายหันขวาหันอย่างยิ้มชื่นมื่นพออกพอใจกับการกำกับเอาเงินของพวกเรามาช่วยเหลือเยียวยา ไม่เคยแยแสกับดุลยภาพระหว่างคนกับสิ่งแวดล้อมเลยสักนิด ไม่แยแสความสมดุลของระบบนิเวศหรือระบบสิ่งแวดล้อม แคร์แต่รอยยิ้มของพวกเราที่พวกเขาหลอกลวงได้
“การปฏิรูปความปลอดภัย จะขับเคลื่อนไปได้ต้องเริ่มจากพวกเรา”
—————3333333333———————-